นายทหารโดดลงมายืนบนถนนดิน เดือยรองเท้าส่งเสียงกรุ้งกริ้งเมื่อเขาเดินไปยังเด็กหนุ่มที่เข้าแถวเรียงกันอยู่
ทั่วทั้งหมู่บ้านมีเด็กหนุ่มยืนเข้าแถวด้วยความหวังหลายสิบคน การได้เข้าร่วมกองรบเงินหมายถึงชีวิตที่มีเกียรติ การต่อสู้ ชื่อเสียง และความรุ่งโรจน์ ที่มาพร้อมกับที่ดิน ตำแหน่ง และความร่ำรวย แล้วยังหมายถึงเจ้าสาวที่ดีที่สุด ที่ดินผืนงามที่สุด และชีวิตที่รุ่งโรจน์ มันยังนำมาซึ่งเกียรติยศแก่ครอบครัว ซึ่งการได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชนนั้นคือบันไดขั้นแรก
ธอร์จ้องมองรถม้าสีทองคันใหญ่ รู้ว่ามันบรรทุกทหารเกณฑ์ได้หลายคน อาณาจักรนี้ใหญ่โต มีหลายเมืองที่พวกเขาต้องไปแวะ ธอร์กลืนน้ำลาย รู้ว่าโอกาสของเขายิ่งห่างไกลกว่าที่เขาคิดไว้ เขาต้องเอาชนะพวกเด็กหนุ่มเหล่านี้ ซึ่งหลายคนเป็นเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ไหนจะพี่ชายสามคนของเขาอีก ธอร์รู้สึกห่อเหี่ยว
เขาแทบจะหยุดหายใจ เมื่อทหารนายนั้นเดินมาเงียบ ๆ สำรวจแถวเด็กหนุ่มที่ยืนด้วยความหวัง เขาเริ่มต้นที่หัวแถวด้านไกลออกไป แล้วค่อย ๆ เดินวนดู แน่นอนว่าธอร์รู้จักเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ และรู้ด้วยว่าบางคนแอบไม่อยากถูกเลือก แม้ครอบครัวจะอยากส่งพวกเขาไป พวกเขาหวาดกลัว คงจะเป็นทหารที่ไม่ได้เรื่อง
ธอร์ร้อนผ่าวด้วยความอดสู เขารู้สึกว่าเขาสมควรได้รับเลือกมากเท่ากับเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ การที่พวกพี่ชายของเขาโตกว่า ตัวใหญ่และแข็งแรงกว่า ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีสิทธิ์ยืนเข้าแถวและถูกเลือก ธอร์ร้อนรุ่มด้วยความชังบิดา มันแทบจะปะทุออกมาทางผิวหนังของเขาเมื่อทหารนายนั้นเดินใกล้เข้ามา
นายทหารหยุดเดินเป็นครั้งแรก ตรงหน้าพี่ชายของธอร์ เขามองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า และดูท่าว่าจะประทับใจ เขายื่นมือออกมา คว้าดาบของพวกเขาคนหนึ่งไป แล้วกระชากออกจากฝัก เหมือนจะทดสอบความแข็งแรงของมัน
นายทหารยิ้มออกมา
“เจ้าไม่เคยใช้ดาบสู้รบมาก่อนเลย ใช่ไหม?” เขาถามเดรค
ธอร์เห็นเดรคกังวลเป็นครั้งแรกในชีวิต เขากลืนน้ำลาย
“ไม่ครับ ใต้เท้า แต่ข้าใช้มันบ่อยครั้งในการฝึกซ้อม และข้าหวังว่า...”
“การฝึกซ้อม!”
นายทหารหัวเราะลั่น แล้วหันไปหาทหารนายอื่น ๆ ที่ร่วมประสานเสียงหัวเราะ ใส่หน้าเดรค
เดรคหน้าแดงก่ำ เป็นครั้งแรกที่ธอร์เห็นเขาอาย ปกติแล้วเดรคต่างหาก เป็นฝ่ายทำให้คนอื่นอับอาย
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะบอกให้ศัตรูของเราเกรงกลัวเจ้า คนที่ใช้ดาบในการฝึกซ้อม!”
กองทหารหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
นายทหารหันไปหาพี่ชายคนอื่น ๆ ของธอร์
“เด็กหนุ่มสามคนจากคอกเดียวกัน” เขากล่าว เอามือถูคางรกเครา “ดูท่าจะมีประโยชน์ พวกเจ้าล่ำสันดี คงไม่ต้องทดสอบ เจ้ายังต้องฝึกอีกมากหากอยากจะฟันใครเป็น”
เขาหยุด
“ข้าคิดว่าเราคงหาที่ให้พวกเจ้าได้”
เขาพยักหน้าไปทางรถม้าด้านหลัง
“ขึ้นไป เร็วด้วยล่ะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
พี่ชายสามคนของธอร์รีบวิ่งไปที่รถม้า หน้าบาน ธอร์เห็นว่าบิดาของเขาก็หน้าบานด้วยเหมือนกัน
แต่ธอร์คอตกตอนที่เฝ้ามองพวกพี่ชายวิ่งไป
นายทหารหันกลับมาแล้วเดินต่อไปยังบ้านหลังถัดไป ธอร์ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“ใต้เท้า” ธอร์ตะโกนออกมา
บิดาของเขาหันกลับมาจ้อง แต่ธอร์ไม่สนใจอีกต่อไป
นายทหารหยุด หันหลังให้ธอร์ ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมา
ธอร์ก้าวไปอีกสองก้าว หัวใจเต้นรัว เขายืดอกมากเท่าที่จะทำได้
“ท่านยังไม่ได้พิจารณาข้าเลย ใต้เท้า” เขาบอก
นายทหารสะดุ้ง มองธอร์หัวจรดเท้าราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก
“ยังอย่างนั้นเหรอ?” เขาถาม แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทหารของเขาก็หัวเราะด้วย แต่ธอร์ไม่สนใจ ตอนนี้เป็นจังหวะของเขา ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว
“ข้าอยากเข้าร่วมกองทหาร” ธอร์บอก
นายทหารก้าวมาหาธอร์
“ตอนนี้น่ะหรือ?”
เขาดูขบขัน
“นี่เจ้าอายุครบสิบสี่ปีแล้วหรือยัง?”
“ข้าครบสิบสี่ปีแล้ว ใต้เท้า เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว”
“สองอาทิตย์ที่แล้ว!”
นายทหารระเบิดหัวเราะ เช่นเดียวกับทหารข้างหลังเขา
“ถ้าอย่างนั้น ศัตรูของเราคงจะต้องกลัวตัวสั่นแน่ ๆ ตอนเห็นเจ้า”
ธอร์รู้สึกร้อนผ่าวด้วยความอับอาย เขาต้องทำบางอย่าง เขาจะปล่อยให้จบแบบนี้ไม่ได้ นายทหารหันหลังจะเดินจากไป แต่ธอร์ยอมไม่ได้
เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วตะโกน “ใต้เท้า ท่านกำลังทำผิดพลาด!”
เกิดความเงียบจนน่าหวาดหวั่นในหมู่คน เมื่อนายทหารหยุดและค่อย ๆ หันกลับมาอีกครั้ง
ตอนนี้ใบหน้าเขาบึ้งตึง
“เจ้าเด็กโง่” บิดาเขากล่าว คว้าไหล่ธอร์ “กลับเข้าไปข้างใน”
“ข้าไม่ไป!” ธอร์ตะโกน สะบัดตัวจากการเกาะกุมของบิดา
นายทหารก้าวมาหาธอร์ ขณะที่บิดาของเขาถอยหลบ
“เจ้ารู้โทษของการดูหมิ่นกองรบเงินหรือไม่?” นายทหารตะคอกถาม
ธอร์ใจเต้น แต่เขารู้ว่าเขาถอยไม่ได้
“โปรดอภัยให้เขาด้วย ใต้เท้า” บิดากล่าว “เขายังเด็กและ...”
“ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า” นายทหารกล่าว สายตาดุดันของเขาทำให้บิดาของธอร์ต้องหันหน้าหนี
นายทหารหันมาหาธอร์
“ตอบข้ามา!” เขาบอก
ธอร์กลืนน้ำลาย พูดไม่ออก นี่ไม่เหมือนที่เขาคิดภาพไว้ในหัว
“การดูหมิ่นกองรบเงินก็เท่ากับดูหมิ่นพระราชา” ธอร์บอกอย่างนอบน้อม พูดสิ่งที่เขาจำได้
“ใช่” นายทหารตอบ “ซึ่งหมายความว่าข้าสามารถสั่งเฆี่ยนเจ้าสี่สิบครั้งได้ ถ้าข้าอยากทำ”
“ข้าหมายความว่าไม่ได้ดูหมิ่นครับ ใต้เท้า” ธอร์บอก “ข้าเพียงต้องการถูกเลือก ได้โปรด ข้าฝันถึงเรื่องนี้มาตลอดชีวิต โปรดให้ข้าได้เข้าร่วมกับกองทหารของท่าน”
นายทหารมองดูเขา สีหน้าค่อยคลายลงช้า ๆ อึดใจหนึ่งเขาจึงส่ายศีรษะ
“เจ้ายังเด็ก เจ้าหนู เจ้ามีหัวใจที่กล้าหาญ แต่เจ้ายังไม่พร้อม กลับมาหาเราเมื่อเจ้าโตกว่านี้”
จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป แทบจะไม่มองเด็กหนุ่มคนอื่น แล้วกระโจนขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็ว
ธอร์คอตก มองดูขบวนทหารเคลื่อนพล พวกเขาจากไปรวดเร็วเหมือนเช่นตอนมา
สิ่งสุดท้ายที่ธอร์เห็นคือพี่ชายของเขา นั่งอยู่ด้านหลังรถม้าคันท้ายสุด มองมาที่เขา ทำหน้าเบ้และเยาะเย้ย พวกเขากำลังถูกพาไปไกลจากสายตาของธอร์ ไปจากที่นี่ ไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ภายในใจธอร์รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
เมื่อความตื่นเต้นรอบตัวเขาจางลง ชาวบ้านเดินหลบกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง
“เจ้ารู้ไหมว่าทำตัวโง่แค่ไหน เจ้าเด็กโง่?” บิดาตวาด คว้าไหล่เขา “รู้ตัวไหมว่าเจ้าอาจจะทำลายโอกาสของพี่ ๆ เจ้า?”
ธอร์ปัดมือบิดาอย่างหยาบคาย บิดาเอนถอยไปแล้วใช้หลังมือตบหน้าเขา
ธอร์รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขาจ้องมองบิดา เป็นครั้งแรกที่ส่วนหนึ่งในตัวเขาอยากจะตอบโต้ แต่เขาก็ระงับตัวเองไว้
“ไปตามแกะของข้า แล้วพาพวกมันกลับมา เดี๋ยวนี้! ตอนที่เจ้ากลับมา อย่าหวังว่าจะมีอาหารให้กิน เจ้าไม่ต้องกินอะไรคืนนี้ แล้วก็คิดถึงสิ่งที่เจ้าทำลงไปด้วย”
“บางทีข้าไม่ควรจะกลับมาเลย!” ธอร์ตะโกน แล้วหันหลังวิ่งจากไป ไปไกลจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังเนินเขา
“ธอร์!” บิดาของเขาตะโกน ชาวบ้านสองสามคนที่ยังอยู่บนถนน หยุดแล้วหันมามอง
เด็กหนุ่มวิ่งช้า ๆ ก่อนจะเร็วขึ้น อยากจะไปให้ไกลจากที่นี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังร้องไห้ น้ำตาไหลนองใบหน้า เมื่อทุกความฝันสลายไป
บทที่ 2
ธอร์เดินเรื่อยเปื่อยไปตามเนินเขาอยู่หลายชั่วโมงด้วยความเดือดดาล จนกระทั่งในที่สุดเขาก็หยุดนั่งพักที่เนินเขาลูกหนึ่ง ธอร์นั่งกอดเข่ามองไปยังขอบฟ้า เขาเฝ้ามองขบวนรถม้าหายลับไป มองดูฝุ่นที่ยังฟุ้งอยู่อีกหลายชั่วโมงหลังจากนั้น
คงจะไม่มีการมาคัดเลือกอีกแล้ว ตอนนี้ชะตาของเขาถูกกำหนดให้อยู่ที่นี่ ในหมู่บ้านนี้ไปอีกหลายปี รอคอยโอกาสต่อไป ถ้าพวกทหารจะกลับมาอีก ถ้าเพียงแต่บิดาของเขายอมอนุญาต ตอนนี้ก็เหลือแค่เขาและบิดาเพียงลำพังในบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าบิดาจะต้องระเบิดโทสะใส่เขาอย่างเต็มที่ เขาคงต้องเป็นคนรับใช้ให้บิดาต่อไป และเมื่อวันเวลาผ่านไป ธอร์ก็คงจะลงเอยเหมือนบิดา ติดแหงกอยู่ในเมืองเล็ก ๆ มีชีวิตที่ต่ำต้อย ขณะที่พี่ชายมีชีวิตที่รุ่งโรจน์และมีชื่อเสียง เส้นเลือดของธอร์ร้อนผ่าวด้วยความอดสู นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ เขารู้ดี
เด็กหนุ่มพยายามคิดหาสิ่งที่เขาจะทำได้ ทางไหนก็ได้ที่เขาจะเปลี่ยนแปลงมัน แต่ก็คิดไม่ออก นี่คงเป็นชีวิตในแบบที่เขาถูกกำหนดมา
หลังจากนั่งอยู่หลายชั่วโมง ธอร์ก็ลุกขึ้นอย่างเศร้าสร้อย แล้วเริ่มเดินกลับไปตามเนินเขาที่คุ้นเคย สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เขาเดินกลับไปหาฝูงสัตว์บนเนินสูงอย่างไม่มีทางเลือก ขณะที่ปีนป่าย อาทิตย์ดวงแรกเริ่มคล้อยลง และดวงที่สองเคลื่อนสู่จุดสูงสุด แผ่รัศมีสีเขียวจาง ๆ ธอร์เดินช้า ๆ ไม่เร่งรีบ หยิบหนังสติ๊กที่เหน็บเอวไว้มาอย่างใจลอย แผ่นหนังเปื่อยจากการใช้งานมานานปี เขาล้วงเข้าไปในถุงที่ผูกอยู่ที่สะโพก แตะลูกหินที่ไปเลือกหามาจากลำธารที่ดีที่สุด แต่ละก้อนเกลี้ยงเกลากว่าก้อนถัดไป บางทีเขาก็ยิงนก บ้างก็หนู เป็นกิจวัตรที่เขาปฏิบัติมานานปี ตอนแรกเขายิงไม่โดนเลย หลังจากนั้นเขาก็ยิงถูกครั้งหนึ่ง และนับตั้งแต่นั้น เขาก็เล็งได้แม่นยำ ตอนนี้ลูกหินกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว และมันยังช่วยให้เขาได้ระบายโทสะ พวกพี่ชายอาจจะได้เหวี่ยงดาบใส่ท่อนไม้ แต่พวกเขาไม่มีทางยิงนกที่กำลังบินได้ด้วยก้อนหิน
ธอร์หยิบลูกหินใส่หนังสติ๊กอย่างไม่ใส่ใจ ง้างแล้วยิงออกไปสุดแรง สมมุติว่ากำลังยิงไปที่บิดา เขายิงถูกกิ่งของต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป หักสะบั้นลงมา ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าสามารถฆ่าสัตว์ที่กำลังเคลื่อนที่ได้ เขาก็หยุดเล็งไปที่พวกมัน เพราะกลัวพลังของตัวเองและไม่อยากจะทำร้ายสิ่งมีชีวิต ตอนนี้เป้าของเขาคือกิ่งไม้ แต่แน่นอนว่ายกเว้นหมาจิ้งจอกที่มาไล่ฝูงแกะของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกหมาจิ้งจอกเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ห่าง ผลที่ได้คือฝูงแกะของธอร์ปลอดภัยที่สุดในหมู่บ้าน
ธอร์คิดถึงพวกพี่ชายแล้วก็โมโหอีก พวกเขาจะอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้ หลังจากนั่งรถไปหนึ่งวันก็คงจะไปถึงปราสาทของพระราชา เขาทำได้แต่เพียงนึกจินตนาการ เด็กหนุ่มเห็นภาพพี่ชายได้รับการต้อนรับอย่างเอิกเกริก ผู้คนแต่งกายด้วยชุดที่ดีที่สุดมาต้อนรับ บรรดานักรบจากกองรบเงินกล่าวทักทาย พวกเขาคงจะได้เข้าไปอยู่ในค่ายทหาร สถานที่ฝึกซ้อมในเขตราชสำนัก ได้ใช้อาวุธชั้นยอด แต่ละคนคงได้รับมอบให้ติดตามอัศวินที่มีชื่อเสียง แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็จะได้เป็นอัศวิน มีม้าเป็นของตัวเอง มีตราเครื่องหมายประจำตัว และมีเด็กรับใช้ของตัวเอง พวกเขาคงจะได้เข้าร่วมงานเทศกาลทุกงานและได้ร่วมโต๊ะเสวยกับพระราชา มันช่างเป็นชีวิตที่น่าหลงใหล แล้วมันก็หลุดมือธอร์ไปแล้ว
เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบาย พยายามผลักความคิดเหล่านั้นออกไปจากใจ แต่ก็ทำไม่ได้ มีส่วนหนึ่งในตัวเขา ส่วนที่ลึกที่สุดกรีดร้องบอกเขาว่าอย่ายอมแพ้ บอกว่าเขามีชะตาที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้ว่ามันไม่ใช่ที่นี่ ธอร์รู้สึกว่าเขาแตกต่าง อาจจะพิเศษด้วยซ้ำ ไม่มีใครเข้าใจเขาและต่างก็ประเมินค่าของเขาต่ำเกินไป
ธอร์ขึ้นไปถึงเนินที่สูงที่สุดและมองเห็นฝูงแกะของเขา พวกมันได้รับการฝึกมาอย่างดี ยังคงอยู่รวมฝูงกัน เล็มหญ้าอะไรก็ได้ที่พวกมันหาเจออยู่อย่างพอใจ เขานับจำนวน มองหาสีแดงที่ทำเครื่องหมายไว้บนหลังพวกมัน ธอร์ตัวแข็งทื่อเมื่อนับเสร็จ แกะหายไปหนึ่งตัว
เขานับอีกครั้งและอีกครั้ง ธอร์ไม่อยากจะเชื่อว่าแกะหายไปหนึ่งตัว
เขาไม่เคยทำแกะหายมาก่อน และบิดาคงจะไม่มีทางยกโทษให้เขาแน่ ที่แย่กว่านั้นคือเขาทนไม่ได้ที่แกะของเขาหลงหายไปในป่าเพียงลำพัง เขาไม่ชอบเห็นสัตว์ไร้เดียงสาต้องลำบาก
ธอร์รีบวิ่งไปที่ยอดเนินแล้วกวาดตามองไปตามแนวขอบฟ้าจนกระทั่งมองเห็นมัน อยู่ที่เนินเขาซึ่งห่างออกไปหลายลูก เจ้าแกะตัวหนึ่งมีรอยสีแดงบนหลัง เป็นเจ้าตัวเกเรของฝูง เขาใจหายวูบเมื่อรู้ว่าแกะตัวนั้นไม่เพียงแต่หนีไป ทั้ง ๆ ที่มีที่ให้เลือกไปมากมาย แต่มันดันเลือกไปทางตะวันตก ไปยังป่าดาร์ควู้ด
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย ดาร์ควู้ดเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่เพียงแกะเท่านั้น แต่รวมถึงมนุษย์ด้วย มันอยู่นอกเขตหมู่บ้าน และตั้งแต่ธอร์เดินได้ เขาก็รู้ว่าไม่ควรจะเสี่ยงไปที่นั่น ซึ่งเขาไม่เคยไป มีตำนานบอกว่าการไปที่นั่นคือการหาเรื่องตาย ต้นไม้ในป่านั้นไม่มีจุดสังเกต และเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย
ธอร์เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดอย่างใคร่ครวญ เขาปล่อยให้แกะหายไปไม่ได้ เด็กหนุ่มประเมินว่าหากเขารีบไป เขาน่าจะพามันกลับมาทันเวลา
หลังจากเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง เขาก็หันหลังและพุ่งไปทางทิศตะวันตก ตรงไปยังป่าดาร์ควู้ด มีเมฆหนารวมตัวกันอยู่เหนือที่นั่น เขารู้สึกหดหู่แต่ดูเหมือนขาของเขาจะพาเขาก้าวไปได้เอง เด็กหนุ่มรู้ว่าหันหลังกลับไม่ได้ แม้เขาจะอยากทำก็ตาม
มันเหมือนเขากำลังวิ่งไปสู่ฝันร้าย
*
ธอร์วิ่งเร็วจี๋ผ่านเนินหลายลูกโดยไม่หยุด เข้าไปสู่ร่มเงาของป่าดาร์ควู้ด ทางเดินสิ้นสุดลงที่แนวชายป่า เขาวิ่งเข้าไปในเขตแดนที่ไม่มีจุดสังเกต ใบไม้ในฤดูร้อนกรอบแกรบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของธอร์
ทันที่เขาเข้าไปในป่า ก็ถูกกลืนหายไปในความมืด ต้นสนสูงตระหง่านบดบังแสงสว่างไว้ ในป่านี้อากาศหนาวกว่า เมื่อเขาก้าวเข้ามา ธอร์รู้สึกเย็นยะเยือก ไม่ใช่เพียงเพราะความมืดหรือความหนาวเท่านั้น แต่เป็นเพราะอย่างอื่นด้วย บางอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก เป็นความรู้สึกว่า...กำลังถูกเฝ้ามอง
ธอร์เงยหน้ามองกิ่งก้านโบราณและลำต้นตะปุ่มตะป่ำที่ใหญ่กว่าตัวเขา แกว่งไกวและส่งเสียงเอี้ยดอ้าดอยู่ในสายลม เขาเดินเข้ามาในป่ายังไม่ถึงห้าสิบก้าว ก็ได้ยินเสียงร้องประหลาดของสัตว์ เมื่อเหลียวกลับมามองก็แทบจะมองไม่เห็นช่องทางที่เพิ่งเข้ามา เขารู้สึกราวกับหาทางออกไม่ได้เสียแล้ว ธอร์เริ่มลังเล
ป่าดาร์ควู้ดตั้งอยู่ที่ชายขอบของหมู่บ้านและชายขอบของการรับรู้ของธอร์ เป็นสิ่งที่ลึกล้ำและเป็นปริศนา คนเลี้ยงสัตว์คนไหนที่เคยทำแกะหายเข้ามาในป่านี้ ไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาตาม แม้แต่บิดาของธอร์ เรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าแห่งนี้มันเร้นลับและหลอกหลอนเกินไป
อย่างไรก็ตามเรื่องไม่ธรรมดาในวันนี้ทำให้ธอร์ไม่ใส่ใจอีกต่อไป และทำให้เขาเลิกกังวล ส่วนหนึ่งในตัวเขาอยากจะฝ่าพรมแดน ไปให้ไกลจากบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วปล่อยให้ชะตาชีวิตพาเขาไป
เขาเดินต่อไปก่อนจะหยุด ไม่แน่ใจว่าควรไปทางไหน เขาสังเกตเห็นร่องรอย กิ่งไม้หักงอซึ่งคงจะเป็นทางที่แกะของเขาผ่านไป จึงหันไปตามทางนั้น ครู่หนึ่งก็เลี้ยวอีก
ก่อนที่อีกหนึ่งชั่วโมงจะผ่านไป ธอร์ก็หลงทางอย่างสิ้นหวัง เขาพยายามจดจำทิศทางที่เขาผ่านมา แต่แล้วก็กลับไม่แน่ใจ ความกังวลปั่นป่วนอยู่ในช่องท้อง อย่างไรก็ตามธอร์คิดว่าทางออกทางเดียวคือการเดินหน้าต่อไป เขาจึงเดินต่อ
เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ธอร์สังเกตเห็นลำแสงดวงอาทิตย์จึงมุ่งหน้าไปหา และพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าที่โล่งเล็ก ๆ เขาหยุดยืนนิ่ง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่กำลังเห็นตรงหน้า
มีคนยืนอยู่ตรงนั้น หันหลังให้ธอร์ เขาสวมเสื้อคลุมผ้าซาตินสีฟ้าตัวยาว ไม่สิ ไม่ใช่คนธรรมดา ธอร์รู้สึกได้ เขาคนนั้นเป็นอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นนักบวชดรูอิด เขายืนตัวสูงตรง ศีรษะคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมศีรษะ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับไม่สนใจโลก
ธอร์ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขาเคยได้ยินเรื่องของพวกดรูอิด แต่ไม่เคยพบมาก่อน แต่เมื่อดูจากเครื่องหมายบนเสื้อคลุมที่ตกแต่งด้วยทองอย่างปราณีตแล้ว คน ๆ นี้ไม่ได้เป็นแค่นักบวชดรูอิด เครื่องหมายพวกนั้นเป็นตราหลวง สัญลักษณ์ราชสำนักของพระราชา ธอร์ไม่เข้าใจว่านักบวชดรูอิดหลวงมาทำอะไรที่นี่?
หลังจากรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานชั่วกัปชั่วกัลป์ นักบวชดรูอิดก็หันหน้ามาหาธอร์ช้า ๆ เมื่อเขาหันมา ธอร์จำใบหน้าของเขาได้ มันทำให้ธอร์ถึงกับลืมหายใจ เป็นหนึ่งในใบหน้าที่มีผู้จดจำได้มากที่สุดในอาณาจักร เขาคือนักบวชดรูอิดประจำพระองค์ของพระราชา อาร์กอน เป็นที่ปรึกษาของพระราชาแห่งอาณาจักรตะวันตกมาหลายศตวรรษ สาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่ ห่างไกลจากราชสำนัก มาอยู่ใจกลางป่าดาร์ควู้ดนั้นเป็นปริศนา ธอร์สงสัยว่าตัวเองกำลังจินตนาการไปเองหรือไม่
“ดวงตาของเจ้าไม่ได้หลอกลวงเจ้าหรอก” อาร์กอนบอก จ้องตรงมาที่ธอร์
เสียงของเขาต่ำและโบราณราวกับต้นไม้พวกนั้นพูดออกมา ดวงตาโตขุ่นมัวดูเหมือนจะมองประเมินธอร์ทะลุปรุโปร่ง ธอร์รู้สึกถึงพลังงานรุนแรงแผ่จากร่างนักบวชดรูอิด ราวกับเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าดวงอาทิตย์
เด็กหนุ่มคุกเข่าแล้วน้อมศีรษะลงทันที
“ใต้เท้า” เขากล่าว “ข้อขออภัยที่รบกวนท่าน”
การไม่เคารพที่ปรึกษาของพระราชาจะได้รับโทษจองจำหรือประหารชีวิต เป็นความจริงที่ฝังหัวมาตั้งแต่เขาเกิด
“ยืนขึ้น เจ้าหนู” อาร์กอนบอก “ถ้าข้าอยากให้เจ้าคุกเข่า ข้าจะบอกเอง”
ธอร์ค่อย ๆ ลุกขึ้นและมองไปที่เขา อาร์กอนเดินใกล้เข้ามาอีกสองสามก้าว ก่อนจะหยุดและจ้องมองธอร์ จนกระทั่งธอร์รู้สึกอึดอัด
“เจ้ามีดวงตาของมารดา” อาร์กอนบอก
ธอร์ตกใจ เขาไม่เคยพบมารดาและไม่เคยพบใครที่รู้จักมารดา นอกจากบิดาของเขา บิดาบอกว่ามารดาตายตอนให้กำเนิดเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ธอร์มักจะรู้สึกผิด เขาสงสัยมาตลอดว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ครอบครัวเกลียดเขา
“ข้าคิดว่าท่านคงจะจำข้าเป็นคนอื่น” ธอร์กล่าว “ข้าไม่มีมารดา”
“อย่างนั้นหรือ?” อาร์กอนถามยิ้ม ๆ “เจ้าเกิดจากบิดาคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”
“ใต้เท้า ข้าหมายถึงมารดาของข้าเสียชีวิตตอนให้กำเนิดข้า ข้าคิดว่าท่านจำคนผิด”
“เจ้าคือธอร์กริน แห่งเชื้อสายแม็คคลอยด์ เป็นน้องชายคนเล็กในบรรดาพี่น้องสี่คน เป็นคนที่ไม่ถูกเลือก”
ธอร์เบิกตากว้าง เขาแทบไม่รู้ว่าควรจะคิดอย่างไร ที่คนระดับท่านอาร์กอนรู้ว่าเขาคือใคร เป็นเรื่องที่เกินกว่าที่ธอร์จะเข้าใจ เขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมีใครนอกหมู่บ้านรู้จักเขา
“ท่าน...รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
อาร์กอนยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร
ธอร์รู้สึกใคร่รู้ขึ้นมาทันที
“ท่าน...” ธอร์ตะกุกตะกักหาคำพูด “...ท่านรู้จักมารดาของข้าได้อย่างไร? ท่านเคยพบนางหรือ? นางเป็นใคร?”
อาร์กอนหันหลังแล้วเดินจากไป
“เก็บคำถามไว้โอกาสหน้า” เขาบอก
ธอร์มองเขาจากไปด้วยความสงสัย มันช่างเป็นการเผชิญหน้าที่น่าเวียนหัวและเป็นปริศนา และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยให้อาร์กอนเดินจากไป ธอร์รีบวิ่งตามเขาไป
“ท่านมาทำอะไรที่นี่?” ธอร์ถาม รีบวิ่งตามให้ทัน อาร์กอนซึ่งใช้ไม้เท้าสีงาช้างเก่าแก่ เดินเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ “ท่านคงจะไม่ได้มารอข้าอยู่ใช่ไหมขอรับ?”
“จะใครเสียอีกล่ะ?” อาร์กอนถาม
ธอร์วิ่งตามหลังเขาเข้าไปในป่า ทิ้งลานโล่งไว้เบื้องหลัง
“แต่ทำไมถึงเป็นข้า? ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมาที่นี่? ท่านต้องการอะไรขอรับ?”
“มากคำถามเหลือเกิน” อาร์กอนบอก “เจ้าพูดมากไป ควรจะหยุดฟังเสียบ้าง”ะ
ธอร์ยังตามไปจนเข้าไปถึงป่าทึบ เขาพยายามหุบปากเงียบ
“เจ้าเข้ามาหาแกะที่หลงทางมา” อาร์กอนบอก “เป็นความพยายามที่สูงส่ง แต่เจ้าเสียเวลาเปล่า เจ้าแกะนั่นไม่มีทางรอด”
ธอร์เบิกตาโต
“ท่านทราบได้อย่างไร?”
“ข้ารู้จักโลกที่เจ้าไม่รู้จัก เจ้าหนุ่ม อย่างน้อยก็ในเวลานี้”
ธอร์ประหลาดใจขณะปีนป่ายตามไป
“แต่เจ้าก็ยังไม่ฟัง มันเป็นธรรมชาติของเจ้า ดื้อดึงเหมือนกับมารดาของเจ้า เจ้าจะไปตามแกะ ตั้งใจที่จะช่วยชีวิตมัน”
ธอร์หน้าแดงเมื่ออาร์กอนอ่านใจเขาออก
“เจ้าเป็นเด็กคล่องแคล่ว มีความมุ่งมั่น ทะนงตัวเกินไป มันเป็นคุณสมบัติที่ดี แต่วันหนึ่งมันอาจจะเป็นหายนะของเจ้า”
อาร์กอนเริ่มปีนขึ้นไปถึงสันเขาที่ปกคลุมด้วยมอสส์ ขณะที่ธอร์ตามไป
“เจ้าอยากจะเข้าร่วมในกองทหารยุวชนของพระราชา” อาร์กอนพูด
“ใช่ขอรับ” ธอร์บอกอย่างตื่นเต้น “ข้าพอจะมีโอกาสไหม? ท่านช่วยได้หรือไม่?”
อาร์กอนหัวเราะเสียงต่ำก้องกังวานที่ทำให้ธอร์เย็นวาบไปตามแนวสันหลัง
“ข้าสามารถทำให้หลายสิ่งเกิดขึ้นได้ ชะตากรรมของเจ้าถูกกำหนดไว้แล้ว อยู่ที่เจ้าจะเลือกเดิน”
ธอร์ไม่เข้าใจ
เมื่อพวกเขาขึ้นไปถึงยอดเขา อาร์กอนหยุดและหันมาหาธอร์ เขายืนห่างไปไม่กี่ฟุต พลังของอาร์กอนแผดเผาธอร์
“ชะตากรรมของเจ้าสำคัญมาก” เขาบอก “จงอย่าละทิ้งมัน”
ธอร์เบิกตากว้าง ชะตากรรมของเขาอย่างนั้นหรือ? สำคัญอย่างนั้นหรือ? เขารู้สึกตัวพองด้วยความภาคภูมิ
“ข้าไม่เข้าใจ ท่านกล่าวเป็นปริศนา ได้โปรดบอกข้าอีกหน่อยเถอะ”
อาร์กอนอันตรธานหายไป
ธอร์อ้าปากค้าง เขามองหาไปทุกทาง ฟังเสียง และพิศวงสงสัย นี่เขาจินตนาการเรื่องทั้งหมดขึ้นมาหรือเปล่า? มันเป็นภาพลวงตาอย่างนั้นหรือ?
ธอร์หันกลับไปมองป่าดาร์ควู้ด จากจุดนี้ สูงขึ้นมาบนยอดเขา เขามองเห็นได้กว้างไกลขึ้น เขาเพ่งมอง เห็นความเคลื่อนไหวอยู่ไกลออกไป เขาได้ยินเสียงและมั่นใจว่านั่นคือแกะของเขา
ธอร์ถลันลงไปตามแนวสันเขาที่ปกคลุมด้วยมอสส์ รีบไปตามทิศของเสียง กลับเข้าไปในป่า ระหว่างที่วิ่งไป เขาก็ยังไม่อาจสลัดภาพการเผชิญหน้ากับอาร์กอนออกไปได้ เขาไม่อยากเชื่อว่ามันได้เกิดขึ้นจริง นักบวชดรูอิดของพระราชามาทำอะไรที่นี่? ถ้าเขามารอธอร์ มันเพราะอะไร? แล้วเขาหมายถึงอะไรเรื่องชะตากรรมของธอร์?