นั่นคือทั้งหมดที่ธอร์ต้องการได้ยิน เขาหันหลังวิ่งข้ามสนาม ไปตามคำบอกโดยไม่รอช้า ทบทวนทิศทางอยู่ในใจ พยายามจดจำมัน เขาสังเกตว่าดวงอาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้น ได้แต่ภาวนาว่าเมื่อเขาไปถึง มันจะยังไม่สายเกินไป
*
ธอร์รีบวิ่งไปตามถนนสะอาดที่วางเปลือกหอยเป็นแนว เลี้ยวไปมาไปตามทางในเขตปราสาท เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะไปตามทางที่รู้มา และหวังว่าเขาจะไม่หลงทาง ที่อีกฟากของสนาม เขาเห็นประตูทั้งหมด แล้วเลือกบานที่สามทางซ้าย เขาวิ่งผ่านเข้าไปแล้วไปตามทางแยก วิ่งไปตามทางแล้วทางเล่า ธอร์วิ่งฝ่าฝูงชน ผู้คนนับพันหลั่งไหลเข้ามาในเมือง ฝูงชนหนาแน่นขึ้นทุกนาที ไหล่เขากระแทกกับนักเล่นพิณ นักมายากล ตัวตลก และผู้ให้ความบันเทิงทุกรูปแบบ ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงาม
ธอร์ทนไม่ได้เมื่อคิดว่าการคัดเลือกเริ่มต้นไปแล้วโดยไม่มีเขา พยายามตั้งสมาธิขณะที่เลี้ยวไปตามทาง มองหาสัญลักษณ์ใด ๆ ของสนามฝึก เขาวิ่งผ่านประตูหินโค้ง เลี้ยวไปตามถนนอีกสาย และที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ นั่นคือจุดหมายปลายทางของเขา อัฒจันทร์ขนาดเล็ก สร้างจากหินเป็นรูปวงกลมสมบูรณ์ มีทหารยืนเฝ้ายามที่ประตูขนาดใหญ่ตรงกลาง ธอร์ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีแว่วดังมาจากด้านหลังกำแพงแล้วใจเต้นรัว เขามาถูกที่แล้ว
ธอร์วิ่งเร็วจนหายใจไม่ทัน เมื่อเขาไปถึงประตู ทหารยามสองนายก้าวออกมาแล้วลดหอกของพวกเขาลงขวางทางไว้ ทหารยามคนที่สามก้าวมา ยกมือขึ้นห้าม
“หยุดอยู่ตรงนั้น” เขาสั่ง
ธอร์หยุดทันที หอบหายใจ แทบจะระงับความตื่นเต้นไม่ได้
“ท่าน...ไม่...เข้าใจ” เขาหอบ ตะกุกตะกักคำพูดออกมาระหว่างพยายามหายใจ “ข้าต้องเข้าไปข้างใน ข้ามาช้าแล้ว”
“ช้าสำหรับอะไร?”
“การคัดเลือก”
ทหารยามร่างเตี้ยล่ำมีผิวตะปุ่มตะป่ำ หันไปมองเพื่อน ที่มองกลับมาอย่างดูถูก เขาหันกลับมามองสำรวจธอร์ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“พวกเกณฑ์ใหม่ถูกพาเข้าไปเป็นชั่วโมงแล้ว มากับรถม้าหลวง ถ้าเจ้าไม่ได้รับเชิญ ก็เข้าไปไม่ได้”
“แต่ท่านไม่เข้าใจ ข้าต้อง...”
ทหารยามยื่นมือมาคว้าเสื้อของธอร์
“เจ้าสิไม่เข้าใจ เจ้าเด็กอวดดี กล้าดียังไงถึงมาที่นี่และพยายามจะบุกเข้าไป? ไปได้แล้ว ก่อนที่ข้าจะจับล่าม”
เขาผลักธอร์ กระเด็นถอนหลังไปหลายฟุต
ธอร์เจ็บที่อกตรงที่ถูกทหารยามผลัก แต่ยิ่งกว่านั้นคือเจ็บที่ถูกปฏิเสธ เขารู้สึกโกรธ เขาไม่ได้มาไกลขนาดนี้เพื่อถูกปฏิเสธจากทหารยามโดยที่ยังไม่ได้เข้าไปแสดงตัว เขาตั้งใจที่จะเข้าไปข้างในให้ได้
ทหารยามนายนั้นหันกลับไปหาเพื่อน ธอร์เดินจากมาช้า ๆ เขาเดินตามเข็มนาฬิกาไปรอบอาคารรูปวงกลม เด็กหนุ่มมีแผนอยู่ในใจ เขาเดินไปจนพ้นสายตา จากนั้นจึงวิ่งเหยาะ ๆ เลาะไปตามกำแพง เขาหันไปดูให้แน่ใจว่าไม่มีทหารยามกำลังมอง แล้วจึงเร่งฝีเท้าขึ้นเต็มกำลัง เมื่อไปได้ครึ่งทางเขาสังเกตเห็นอีกช่องทางเข้าไปในสนาม สูงขึ้นไปมีช่องโค้งในกำแพงหิน มีลูกกรงเหล็กกั้นไว้ แต่มีช่องหนึ่งที่ลูกกรงเหล็กหายไป เขาได้ยินเสียงโห่ร้องดังขึ้นอีก ธอร์โหนตัวขึ้นไปแล้วมอง
หัวใจเขาเต้นรัวเร็ว ที่เห็นอยู่ภายในสนามฝึกขนาดใหญ่คือพลที่เกณฑ์มาใหม่หลายสิบคน รวมทั้งพวกพี่ชายของเขา กำลังเข้าแถว พวกนั้นยืนอยู่ต่อหน้าทหารกองรบเงินสิบสองนาย มีทหารเดินตรวจแถวเพื่อประเมิน
พวกที่เกณฑ์ใหม่อีกกลุ่มยืนอยู่อีกด้าน มีทหารนายหนึ่งเฝ้าดูอยู่ พวกนั้นกำลังขว้างหอกไปที่เป้าที่อยู่ห่างออกไป มีคนหนึ่งขว้างพลาด
เลือดของธอร์ร้อนผ่าวด้วยความขุ่นเคือง เขาสามารถขว้างโดนเป้าพวกนั้นได้ เขาก็เก่งไม่น้อยไปกว่าพวกนั้น เพียงแค่เขาเด็กกว่า ตัวเล็กกว่า มันไม่ยุติธรรมเลยที่เขาถูกกันออกมา
ทันใดนั้น ธอร์รู้สึกว่ามีมือบนหลังเขาและถูกดึงลอยลงมา กระแทกพื้นแข็งด้านล่างจนจุกแอ้ด
เขามองขึ้นมาเห็นทหารยามจากหน้าประตู กำลังยิ้มเยาะ
“ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไรเจ้าหนู?”
ก่อนที่เขาจะทันมีปฏิกิริยาอย่างไร ทหารยามเอนตัวแล้วเตะธอร์อย่างแรง เขารู้สึกถึงแรงกระแทกที่ซี่โครง ขณะที่ทหารยามเตรียมจะเตะเขาอีกครั้ง
คราวนี้ ธอร์ยึดขาของทหารยามไว้ได้กลางอากาศ เขาผลัก ทำให้ทหารเสียการทรงตัวแล้วล้มลง
ธอร์รีบลุกขึ้นยืน ในขณะเดียวกัน ทหารยามก็ลุกขึ้นยืนด้วย ธอร์จ้องมองเขา ตกใจกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป ทหารถลึงตาใส่เขา
“ข้าไม่เพียงแต่จะล่ามเจ้าเท่านั้น” ทหารยามขู่ “แต่ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ ไม่มีใครแตะต้องทหารของพระราชาได้ ลืมไปเลยเรื่องการเข้าร่วมกองทหารยุวชนของเจ้า ตอนนี้เจ้าต้องถูกเฉดไปอยู่ในคุกใต้ดิน! เจ้าคงจะโชคดีถ้าได้ออกมาให้ใครพบเจออีก!”
ทหารยามดึงโซ่ตรวนของเขาออกมา แล้วก้าวเข้าหาธอร์ มีความเคียดแค้นบนใบหน้า
ธอร์รีบคิด เขายอมให้ตัวเองถูกตีตรวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากจะทำร้ายทหารยาม เขาต้องคิดหาทางอื่น และต้องคิดให้เร็วด้วย
เด็กหนุ่มนึกถึงหนังสติ๊กของเขา สัญชาตญาณเข้าควบคุมเมื่อเขาคว้ามันขึ้นมา ใส่ลูกหิน เล็งแล้วยิง
ลูกหินแหวกอากาศไปกระแทกโซ่ตรวนหลุดจากมือทหารยามที่กำลังตกตะลึง มันยังกระแทกโดนนิ้วของเขาด้วย ทหารยามผงะและสะบัดมือ ตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่โซ่ตรวนหล่นไปกองที่พื้น
ทหารมองธอร์อย่างหมายหัว เขาชักดาบออกมา เป็นดาบแบบพิเศษที่มีห่วงโลหะ
“นั่นเป็นความผิดพลาดอย่างสุดท้ายของเจ้า” เขาขู่อย่างน่ากลัวแล้วพุ่งเข้าใส่
ธอร์ไม่มีทางเลือก ทหารนายนี้คงไม่ปล่อยเขาแน่ เด็กหนุ่มใส่ลูกหินอีกลูกในหนังสติ๊กแล้วง้าง เขาเล็งอย่างตั้งใจ ไม่ต้องการสังหารทหารยาม แต่ก็ต้องหยุดเขาให้ได้ ดังนั้นแทนที่จะเล็งไปยังหัวใจ จมูก ตา หรือศีรษะ ธอร์จึงเล็งไปยังบริเวณที่เขารู้ว่าจะหยุดทหารนายนี้ได้โดยไม่ฆ่าเขา
ที่หว่างขาของทหารยามนั่นเอง
เด็กหนุ่มยิงลูกหินออกไป โดยออมกำลังไว้แต่ก็แรงพอที่จะล้มทหารได้
มันตรงเผงเข้าเป้า
ทหารยามทรุดลง ทิ้งดาบ กุมเป้าลงไปนอนงอก่องอขิงบนพื้น
“เจ้าจะต้องถูกแขวนคอ!” เขาคำรามออกมา ทั้งที่เจ็บปวด “ทหาร! ทหาร!”
ธอร์เงยหน้าขึ้น เห็นทหารยามอีกหลายนายกำลังวิ่งมาทางเขา
ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ก็คงจะหมดโอกาส
เขาไม่ยอมเสียเวลาอีก รีบวิ่งไปยังช่องเปิดบนกำแพง เด็กหนุ่มต้องกระโดดผ่านช่องนั้นเข้าไปภายในสนาม แล้วแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จัก เขาจะสู้กับทุกคนที่ขวางทาง
บทที่ 5
ราชาแม็คกิลประทับอยู่ที่ท้องพระโรงด้านบนในปราสาท ในท้องพระโรงส่วนพระองค์ ห้องที่ทรงใช้เพื่อกิจการส่วนพระองค์ ประทับอยู่บนบัลลังก์ที่ทำจากไม้แกะสลัก ทอดเนตรมองโอรสธิดาทั้งสี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เคนดริค โอรสองค์โตสุด อายุยี่สิบห้าปี เป็นนักรบที่ดีและเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง ในบรรดาลูกทุกคน เขาเหมือนราชาแม็คกิลมากที่สุด ซึ่งนั่นช่างน่าแปลก เพราะเคนดริคเป็นลูกนอกสมรสที่เกิดกับหญิงนางหนึ่ง ที่ทรงลืมไปนานแล้ว ราชาแม็คกิลทรงเลี้ยงเคนดริคร่วมกับโอรสธิดาองค์อื่น ๆ แม้ในตอนแรกราชินีจะคัดค้าน โดยทรงยื่นเงื่อนไขว่าพระราชาจะต้องไม่มอบบัลลังก์ให้เขา ในตอนนี้เงื่อนไขนั้นกลับทำให้พระองค์ทรงเจ็บปวด เนื่องจากเคนดริคเป็นชายหนุ่มที่ดีที่สุดที่ทรงรู้จัก เป็นลูกชายที่พ่อควรภาคภูมิใจ ไม่มีใครเหมาะสมจะเป็น
รัชทายาทมากไปกว่าเขา
คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กาเร็ธ เป็นบุตรคนที่สองแต่เป็นบุตรคนแรกที่เกิดจากการสมรส เขาอายุยี่สิบสามปี ผอมบางมีแก้มตอบและดวงตาโตสีน้ำตาลลอกแลก บุคลิกของเขาแตกต่างจากพี่ชายคนโตของเขาเป็นอย่างมาก กาเร็ธไม่มีลักษณะใด ๆ เหมือนเคนดริคเลย พี่ชายเป็นคนตรงไปตรงมา ส่วนกาเร็ธจะซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงไว้ เคนดริคเป็นคนที่มีความภาคภูมิและทระนง แต่กาเร็ธเป็นคนไม่ซื่อสัตย์และไม่จริงใจ พระราชาแม็คกิลทรงเจ็บปวดที่รู้สึกไม่ชอบโอรสของตนเอง และทรงพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะแก้นิสัยของโอรส แต่หลังจากช่วงหนึ่งในสมัยวัยรุ่นของโอรส ทรงตัดสินพระทัยว่านิสัยของโอรสคนนี้ถูกชะตากำหนดมาแล้ว ทั้งเจ้าเล่ห์เพทุบาย หิวอำนาจและทะเยอทะยานในทุกทางที่ผิด นอกจากนี้พระองค์ยังทรงรู้ว่ากาเร็ธไม่มีความรักให้แก่สตรี และยังมีชายคู่รักมากมาย หากเป็นราชาองค์อื่นคงจะขับไล่โอรสเช่นนี้ไปแล้ว แต่ราชาแม็คกิลทรงใจกว้างกว่านั้น นี่ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่รักลูกชาย พระองค์ไม่ได้ตัดสินเขาจากเรื่องนี้ สิ่งที่พระองค์นำมาตัดสินคือความชั่วร้าย และเจ้าเล่ห์ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงมองข้ามไปไม่ได้
บุตรคนที่ยืนต่อจากกาเร็ธคือธิดาคนที่สอง เกว็นโดลีน นางเพิ่งอายุครบสิบหกปี เป็นสตรีที่งดงามที่สุดที่พระองค์เคยทอดพระเนตร และลักษณะนิสัยของนางยิ่งโดดเด่นกว่ารูปโฉม นางจิตใจดี มีเมตตาและเอื้อเฟื้อ เป็นสตรีที่ดีที่สุดที่ทรงรู้จัก ในเรื่องนี้นางมีคุณสมบัติเทียบเท่าเคนดริค นางมองดูราชาแม็คกิลด้วยความรักที่บุตรีจะมีต่อบิดา และพระองค์ทรงรู้สึกได้ถึงความจงรักภักดีในแววตานั้น ทรงภาคภูมิใจในตัวธิดาคนนี้ยิ่งกว่าโอรสทั้งหลายเสียอีก
คนที่ยืนต่อจากเกว็นโดลินคือ รีส โอรสคนเล็กสุด เด็กหนุ่มอายุสิบสี่ปีที่มีความทระนงและมุ่งมั่น กำลังจะเติบโตเป็นชายหนุ่ม ราชาแม็คกิลทรงพอใจอย่างยิ่งที่โอรสได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชน และทรงมองออกแล้วว่าเขาจะเติบโตเป็นผู้ชายแบบไหน พระองค์ไม่สงสัยเลยว่าวันหนึ่ง รีสจะเป็นโอรสที่ดีที่สุดของพระองค์ เป็นผู้ปกครองที่ดี แต่ยังไม่ถึงเวลานั้น เขายังเด็กเกินไป ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก
พระราชาแม็คกิลทรงสับสนขณะที่สำรวจตรวจตราโอรสธิดาทั้งสี่ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทรงภาคภูมิใจระคนผิดหวัง ทั้งขุ่นเคืองและรำคาญ เนื่องจากมีบุตรอีกสองคนหายไป ลูอันดา ธิดาองค์โต ซึ่งแน่นอนว่าคงกำลังเตรียมตัวสำหรับงานอภิเษก และการที่นางกำลังจะแต่งงานออกเรือนไปอยู่อาณาจักรอื่น นางจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกรัชทายาท แต่ก็อดฟรีย์ โอรสคนกลางวัยสิบแปดปี ก็หายตัวไป ราชาแม็คกิลทรงหน้าแดงด้วยความกริ้ว
นับตั้งแต่ก็อดฟรีย์ยังเป็นเด็ก เขาก็แสดงความไม่สนใจในราชบัลลังก์ เป็นที่เห็นได้ชัดเจนมาตลอดว่าเขาไม่สนใจและไม่ต้องการ และที่ราชาแม็คกิลทรงเสียพระทัยอย่างยิ่งคือการที่ก็อดฟรีย์เลือกที่จะทิ้งชีวิตไปในโรงเหล้ากับเพื่อนเสเพล ทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายและไร้เกียรติ เขาเป็นคนเกียจคร้าน นอนเกือบทั้งวัน เวลาที่เหลือก็หมดไปกับการดื่มเหล้า ใจหนึ่งทรงโล่งอกที่เขาไม่มาอยู่ที่นี่ด้วย แต่อีกใจทรงรู้สึกว่าเป็นการดูหมิ่น ที่จริงทรงคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว และได้ส่งทหารออกไปค้นหาตามโรงเหล้าแล้วนำตัวกลับมา พระราชาประทับอยู่เงียบ ๆ รอคอยจนกระทั่งพวกทหารกลับมาถึง
ประตูไม้โอ๊คบานหนาเปิดออก และพวกทหารเดินแถวเข้ามา ลากก็อดฟรีย์เข้ามาด้วย ทหารดันเขาออกมา ก็อดฟรีย์ถลาเข้ามาในห้องเมื่อทหารปิดประตูตามหลัง
พี่น้องคนอื่น ๆ หันไปมอง ก็อดฟรีย์สกปรก เหม็นกลิ่นเหล้าคลุ้ง ไม่โกนหนวดเคราและแต่งตัวไม่เรียบร้อย เขายิ้มกลับมา อวดดีเหมือนเช่นเคย
“สวัสดี พระบิดา” ก็อดฟรีย์ทูล “นี่ข้าพลาดความสนุกอะไรไปหรือเปล่า?”
“เจ้าจะต้องยืนอยู่กับพี่น้องของเจ้า แล้วรอให้ข้าพูด ถ้าหากเจ้าไม่ทำ พระเจ้าช่วยด้วยเถอะ ข้าจะล่ามเจ้าไว้ในคุกใต้ดินรวมกับนักโทษคนอื่น ๆ และเจ้าจะไม่ได้เห็นอาหาร...เหล้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง.. ไปอีกสามวัน
เต็ม ๆ”
ก็อดฟรีย์มองพระบิดาอย่างท้าทาย ในแววตานั้น ราชาแม็คกิลทรงเห็นขุมพลังล้ำลึก บางอย่างที่เหมือนกับพระองค์ ประกายบางอย่างที่วันหนึ่งจะมีประโยชน์กับก็อดฟรีย์เป็นอย่างดี หากเขาสามารถก้าวข้ามสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไปได้
ก็อดฟรีย์ยังดื้อดึงจนถึงที่สุด เขารออยู่ถึงสิบวินาทีก่อนจะยอมทำตามในที่สุด ค่อย ๆ เดินทอดน่องไปรวมกับคนอื่น
ราชาแม็คกิลทอดพระเนตรโอรสธิดาทั้งห้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า ลูกนอกสมรส คนเบี่ยงเบน ขี้เมา ธิดา และโอรสคนเล็ก เป็นส่วนผสมที่ประหลาด และพระองค์ไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาทั้งหมดถือกำเนิดมาจากพระองค์ ตอนนี้ ในวันอภิเษกของธิดาคนโต เป็นภาระที่พระองค์ต้องเลือกรัชทายาทจากทั้งห้าคนนี้ จะเป็นไปได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม มันช่างเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ พระองค์ยังทรงแข็งแรงและสามารถปกครองต่อไปได้อีกสามสิบปี รัชทายาทที่ทรงเลือกในวันนี้อาจจะไม่ได้ขึ้นครองราชย์อีกหลายทศวรรษ เป็นธรรมเนียมที่น่ารำคาญสำหรับพระองค์ มันอาจจะเหมาะสมดีในรัชสมัยของพระบิดาของพระองค์ แต่ตอนนี้ไม่เห็นประโยชน์
พระราชาทรงกระแอม
“พวกเรามารวมกันในวันนี้ตามจารีตที่สืบต่อกันมา พวกเจ้ารู้ดีว่าวันนี้เป็นวันอภิเษกของธิดาคนโตของข้า ภาระจึงตกแก่ข้าที่จะต้องแต่งตั้งรัชทายาท ผู้ที่จะสืบราชบัลลังก์แห่งอาณาจักรนี้ หากข้าตาย ไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะปกครองมากไปกว่าพระมารดาของพวกเจ้า แต่กฎมณเฑียรบาลระบุว่าผู้ที่ได้รับแต่งตั้งจึงสามารถสืบทอดราชบัลลังก์ได้ ดังนั้นข้าจึงต้องเลือก”
ราชาแม็คกิลทรงหยุดคิด เกิดความเงียบครอบคลุมไปทั่ว พระองค์ทรงรู้สึกถึงการรอคอย ทรงทอดพระเนตรดวงตาของพวกเขา และเห็นการแสดงออกที่แตกต่างกันไป ลูกนอกสมรสดูโล่งอก เขารู้ดีว่าจะไม่ถูกเลือก เจ้าคนเบี่ยงเบนตาวาวด้วยความทะเยอทะยาน ราวกับคิดว่าจะถูกเลือกอย่างแน่นอน เจ้าขี้เมามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจอะไร ส่วนธิดามองมาด้วยความรัก รู้ดีว่านางไม่มีส่วนในเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็รักในบิดา เช่นเดียวกับโอรสคนเล็ก
“เคนดริค ข้าคิดเสมอว่าเจ้าเป็นลูกชาย แต่กฎทำให้ข้าไม่อาจมอบบัลลังก์ให้แก่คนที่ไม่มีสิทธิ์สมบูรณ์ตามกฎหมาย”
เคนดริคโค้ง “พระบิดา ข้าไม่เคยคาดหวังให้ทรงทำเช่นนั้น ข้าพอใจกับสิ่งที่มีแล้ว ได้โปรดอย่าให้เรื่องนี้ทำให้ต้องลำบากพระทัย”
ราชาทรงเจ็บปวดกับการตอบรับของเขา ทรงรู้สึกว่าเขามีความดีอย่างแท้จริง และยิ่งต้องการจะแต่งตั้งให้เขาสืบทอดราชบัลลังก์
“ทีนี้ก็เหลือพวกเจ้าอีกสี่คน รีส เจ้าเป็นเด็กหนุ่มที่ดี ดีที่สุดที่ข้าเคยพบ แต่เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะมีส่วนในเรื่องนี้”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น พระบิดา” รีสทูลตอบ พร้อมคำนับเล็กน้อย
“ก็อดฟรีย์ เจ้าเป็นหนึ่งในโอรสสามคนที่ชอบด้วยกฎหมายของข้า แต่เจ้าเลือกที่จะทิ้งชีวิตไปใน
โรงเหล้า กับเรื่องโสมม เจ้าได้รับอภิสิทธิ์มากมายในชีวิต แต่เจ้ากลับปฏิเสธทุกสิ่ง หากข้าจะมีความผิดหวังอันยิ่งใหญ่ในชีวิต สิ่งนั้นก็คงเป็นเจ้า”
ก็อดฟรีย์หน้าบึ้งตึง ขยับตัวอย่างอึดอัด
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น ข้าก็คงจะหมดธุระตรงนี้แล้ว ข้ากลับไปที่โรงเหล้าได้แล้ว ใช่ไหม พระบิดา?”
เขารีบโค้งคำนับอย่างล้อเลียน แล้วหันหลังเดินข้ามห้องไป
“กลับมาที่นี่!” ราชาแม็คกิลตวาด “เดี๋ยวนี้!”
ก็อดฟรีย์ยังคงเดินต่อ ไม่สนใจพระองค์ เขาเดินไปดึงประตูเปิดออก ทหารสองนายยืนอยู่ตรงนั้น
ราชาทรงกริ้ว ขณะที่ทหารมองพระองค์อย่างลังเล
แต่ก็อดฟรีย์ไม่ได้รอ เขาพุ่งตัวผ่านพวกนั้นไปยังโถงด้านนอก
“จับเขาไว้!” พระราชาตะโกน “แล้วพาไปให้พ้น อย่าให้ราชินีเห็นเขา ข้าไม่อยากให้แม่ต้องทุกข์ใจที่เห็นสภาพเขาในวันแต่งงานของธิดา”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท” พวกทหารทูล ปิดประตูแล้วรีบวิ่งตามเขาไป
พระราชาแม็คกิลประทับนั่ง หอบหายใจ พักตร์แดง พยายามสงบอารมณ์ เป็นครั้งที่พันที่ทรงสงสัยว่าทรงทำสิ่งใดไปจึงได้มีลูกเช่นนี้
พระองค์หันกลับมายังโอรสธิดาที่เหลือ ทั้งสี่มองมาที่บิดา คอยอยู่เงียบ ๆ พระราชาทรงหายใจเข้าลึก พยายามตั้งสมาธิ
“ตอนนี้ก็เหลือแค่สองคน” ทรงตรัสต่อ “และจากพวกเจ้าสองคนนี้ ข้าต้องเลือกหนึ่งคนเป็นรัชทายาท”
ราชาแม็คกิลหันไปหาธิดา
“เกว็นโดลิน นั่นคือเจ้า”
เกิดความเงียบไปทั่วห้อง ทุกคนดูตกตะลึง โดยเฉพาะเกว็นโดลิน
“ท่านตรัสถูกแล้วหรือ พระบิดา?” กาเร็ธทูลถาม “ท่านตรัสว่าเกว็นโดลินอย่างนั้นหรือ?”
“พระบิดา ข้ารู้สึกเป็นเกียรติ” เกว็นโดลินทูล “แต่ข้าไม่อาจรับได้ ข้าเป็นสตรี”
“ถูกแล้ว ไม่เคยมีสตรีขึ้นครองบัลลังก์ของแม็คกิล แต่ครั้งนี้ข้าได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนธรรมเนียม
เกว็นโดลิน เจ้าเป็นสตรีที่มีจิตใจดีและมีน้ำใจที่สุดที่ข้าเคยพบ เจ้ายังอายุน้อย แต่ด้วยประสงค์ของพระเจ้า ข้าจะยังไม่ตายในเร็ว ๆ นี้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะชาญฉลาดพอที่จะปกครองแผ่นดิน อาณาจักรนี้เป็นของเจ้า”
“แต่พระบิดา!” กาเร็ธทูลเสียงดัง หน้าซีดเผือด “ข้าเป็นโอรสคนโตตามกฎหมาย! ตามประวัติศาสตร์ของราชวงศ์แม็คกิล บัลลังก์จะตกแก่โอรสคนโต!”
“ข้าคือราชา” ราชาแม็คกิลตรัสอย่างขุ่นเคือง “และข้าเป็นผู้กำหนดกฎ”
“แต่นี่มันไม่ยุติธรรม!” กาเร็ธโอดครวญ “ข้าควรจะได้เป็นราชา ไม่ใช่น้องสาวของข้า ไม่ใช่สตรี!”
“หุบปากของเจ้าได้แล้ว เจ้าหนุ่ม!” ราชาแม็คทรงตวาด สั่นเทิ้มด้วยความกริ้ว “เจ้ากังขาการตัดสินใจของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“นี่ข้าถูกมองข้ามไปเพราะสตรีอย่างนั้นหรือ? นั่นคือสิ่งที่พระองค์คิดกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าตัดสินใจแล้ว” ทรงตรัสตอบ “เจ้าจะต้องเคารพมัน แล้วทำตามอย่างเชื่อฟัง เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในอาณาจักรของข้า ตอนนี้พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
ทุกคนโค้งคำนับอย่างรวดเร็วแล้วรีบออกไป
แต่กาเร็ธหยุดอยู่ที่ประตู ไม่อาจพาตัวเองออกไป
เขาหันกลับมา เผชิญหน้ากับพระบิดาเพียงลำพัง
ราชาแม็คกิลทรงเห็นความผิดหวังในสีหน้าของเขา แน่นอนว่าเขาคาดหวังว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็น
รัชทายาทในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องการที่จะรัชทายาทเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ได้ทำให้ราชาแม็คกิลประหลาดพระทัยเลย และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ไม่ทรงเลือกเขา
“ทำไมพระบิดาทรงเกลียดข้า?” เขาทูลถาม
“ข้าไม่ได้เกลียดเจ้า ข้าเพียงแต่เห็นว่าเจ้าไม่เหมาะที่จะปกครองอาณาจักร”
“เพราะอะไร?” กาเร็ธร้องถาม
“เพราะนั่นคือสิ่งที่เจ้าแสวงหา”
กาเร็ธหน้าแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าราชาแม็คกิลมองเขาทะลุถึงเนื้อแท้ที่สุดของเขา พระราชาทอดพระเนตรและเห็นความเกลียดชังแผดเผาอยู่ในดวงตาของโอรส อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้
กาเร็ธผลุนผลันออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก แล้วกระแทกประตูตามหลัง
ราชาแม็คกิลทรงตัวสั่น ท่ามกลางเสียงสะท้อนก้อง พระองค์ยังจำแววตาของโอรสและรู้สึกถึงความเกลียดชังอย่างล้ำลึก ลึกยิ่งกว่าศัตรูของพระองค์เสียอีก ในช่วงขณะนั้น ทรงคิดถึงอาร์กอน คิดถึงคำพูดของเขาที่ว่าอันตรายนั้นอยู่ใกล้
เป็นไปได้ไหมว่ามันจะใกล้ถึงเพียงนี้?
บทที่ 6
ธอร์วิ่งจี๋ข้ามสนามกว้างภายในอัฒจันทร์ เขาวิ่งเร็วสุดชีวิต ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าของทหารยามวิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด พวกเขาวิ่งไล่ธอร์ข้ามสนามที่ทั้งร้อนและคลุ้งฝุ่น สบถด่าไปพลาง ตรงหน้าของเขามีสมาชิกกองทหารยุวชน และพวกเกณฑ์มาใหม่ยืนกระจายอยู่ เด็กหนุ่มหลายสิบคนเหมือนกันกับเขา เพียงแต่แก่กว่าและแข็งแรงกว่า พวกเขากำลังฝึกและถูกทดสอบหลาย ๆ อย่าง บางคนขว้างหอก บางคนพุ่งแหลน ส่วนหนึ่งกำลังฝึกจับทวน พวกเขาเล็งไปที่เป้าที่อยู่ห่างออกไป และแทบจะไม่พลาดเลย พวกนี้คือคู่แข่งของเขา ซึ่งดูน่าเกรงขาม
ท่ามกลางพวกเขามีอัศวินจริง ๆ อีกหลายสิบคน สมาชิกของกองรบเงินยืนล้อมเป็นครึ่งวงกลม กำลังดูการฝึก ประเมินและตัดสินว่าใครจะได้อยู่และใครจะถูกส่งกลับบ้าน
ธอร์รู้ว่าเขาจะต้องพิสูจน์ตัวเอง จะต้องทำให้คนพวกนี้ประทับใจ อีกไม่ช้าพวกทหารยามจะไล่เขาทัน หากมีโอกาสที่เขาจะสร้างความประทับใจได้ ก็ต้องเวลานี้ละ แต่อย่างไรกันเล่า? เขารีบคิดขณะที่วิ่งข้ามสนามไป ตั้งใจจะไม่ยอมถูกปฏิเสธ
ขณะที่ธอร์วิ่งตัดสนามไปนั้น เริ่มมีบางคนสังเกตเห็น พวกเกณฑ์มาบางคนหยุดแล้วหันมามองเขา เช่นเดียวกับพวกอัศวิน ในไม่ช้าธอร์รู้สึกว่าทุกคนหันมาสนใจเขา พวกเขาดูประหลาดใจ ธอร์รู้ว่าพวกเขาคงสงสัยว่าเขาเป็นใคร มาวิ่งอยู่ในสนาม โดยมีทหารยามสามนายวิ่งไล่กวด นี่ไม่ใช่วิธีสร้างความประทับใจที่ธอร์ต้องการ ตลอดทั้งชีวิต เขาฝันที่จะได้ร่วมกองทหารยุวชน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาวาดภาพไว้ว่าจะเกิดขึ้น
ระหว่างที่ธอร์วิ่งไปพลางคิดใคร่ครวญหาวิธี ก็มีคนมาช่วยหาคำตอบให้ เด็กหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่ง พลเกณฑ์ใหม่ที่ตัดสินใจว่าจะใช้โอกาสนี้สร้างความประทับใจให้ตัวเองโดยการหยุดธอร์ ร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันของเขาใหญ่กว่าธอร์เกือบสองเท่า เขายกดาบไม้ขึ้นขวางทางธอร์ ธอร์รู้ว่าเขาตั้งใจจะกระแทกธอร์ให้ล้ม เพื่อให้เป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่น ๆ และจะทำให้ตัวเองได้เปรียบพวกที่เกณฑ์มาใหม่คนอื่นมากขึ้น
นั่นทำให้ธอร์ไม่พอใจ แต่เขาไม่มีอะไรจะไปต่อกรกับเด็กหนุ่มคนนี้ได้ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของเขา แต่ธอร์ก็ตัดสินใจจะสู้ เพื่อจะได้มีโอกาสเหมือนกับคนอื่น ๆ
เมื่อเข้าไปใกล้ ธอร์ยิ่งไม่อยากเชื่อในขนาดตัวของเด็กหนุ่มคนนี้ เขาสูงตระหง่านอยู่เหนือธอร์ หน้าตาถมึงทึง มีปอยผมสีดำหนาคลุมหน้าผาก มีใบหน้าเหลี่ยม ขากรรไกรบึกบีนที่สุดที่ธอร์เคยเห็น เขาไม่เห็นทางที่จะต่อกรกับเด็กหนุ่มคนนี้ได้เลย
เด็กหนุ่มพุ่งเข้าหาธอร์พร้อมกับดาบไม้ ธอร์รู้ดีว่าหากเขาไม่รีบทำอะไร จะต้องถูกคว่ำลงไปกอง