ศาสตร์ต้องห้าม - Owen Jones 4 стр.


โอ้ ฉันไม่ควรคิดอย่างนั้น เด่น ไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำตามใจเขา ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ว่ามันคืออะไรไง”

“ป้าดา ป้าคิดว่าอย่างไรกับเงื่อนไขของเฮง”

“ฉันคิดว่ามันน่าสนใจมาก… น่าสนใจมากจริง ๆ เธอจะสังเกตว่าเมื่อวาน เฮงได้เคาะประตูแห่งความตายอยู่ แต่ตอนนี้เขากลับกลายมากระฉับกระเฉงขึ้นมากภายในเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียว แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นเฮงคนเดิมที่เราเคยรู้จักและรักมากก็ตาม”

“เราจะต้องดูว่าเฮงคนใหม่นี้จะออกมาเป็นอย่างไร หรือบางทีเราอาจจะเอาคนเก่ากลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเขาคุ้นเคยกับการบริโภคอาหารแบบใหม่ของเขา และฟื้นตัวจากช่วงเวลาขาดเลือดที่แท้จริงในตัวเขา”

“การเดาของเธออาจจะไม่ดีเท่าฉัน แต่ฉันยอมรับว่าฉันกำลังอยู่ในดินแดนแห่งใหม่ที่นี่ และกำลังเล่นเกมนี้ด้วยการใช้หู และด้วยคำแนะนำบางอย่างจากเพื่อนเจตภูตของฉัน แม้ว่าจะมีคนบอกว่ามันจะดีกว่าที่จะเป็นผู้มีเมตตาที่ไม่ฆ่าเขา และปล่อยให้เขาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง”

“เธอคิดอย่างไรกับคำแนะนำนั้น วรรณ”

“เอ่อ พูดตามตรงฉันคิดว่ามันค่อนข้างจะร้ายแรงอยู่ไม่ใช่เหรอป้าดา”

ใช่ ฉันคิดแบบนั้น ฉันจะเห็นด้วยกับเธอนั่นคือทำไมฉันถึงยังไม่ได้แนะนำมัน แต่มันยังคงเป็นตัวเลือก หากมันเกินความสามารถ

ในการสนทนานี้ ดูเหมือนว่าเฮงกำลังจะหลับ แต่เธอไม่ได้ตรวจสอบ

“คุณคิดว่าเขาทนทุกข์กับความเจ็บปวดไหม ป้าดา”

“เขาดูเหมือนสงบมาก… ใช่ไหม เขาพูดได้อีกครั้งตอนนี้ และยังไม่ได้พูดว่ารู้สึกไม่สบายใด ๆ เลย ดังนั้นฉันจะคงไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องของสภาพทางกาย ถ้าฉันเป็นเธอนะ แต่เธอรู้จักเขาดีกว่าคนอื่น ดังนั้นมันเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องมองหาสัญญาณทางความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลง และรายงานให้ฉันฟัง แล้วเราค่อยคุยกัน”

“ได้ค่ะ ป้าดา ฉันจะทำมัน ฟังนะ ถ้าเธอมีอย่างอื่นที่ต้องทำ อย่าปล่อยให้เรารั้งเธอไว้ เด็ก ๆ ทำทุกอย่างได้วิเศษมาก พวกเขาเข้ามาดูแลงานบ้านทั้งหมดของเราเพื่อที่ฉันจะได้นั่งกับเฮง แต่ถ้าป้าต้องการกลับบ้าน ฉันสามารถไปส่งป้าได้ เราทุกคนรู้สึกซาบซึ้งใจสำหรับความช่วยเหลือของป้า เฮงอาจจะตายถ้าไม่มีป้า และเราทุกคนตระหนักในเรื่องนี้ดี ถ้ามีอะไรที่เราสามารถทำเพื่อป้าได้ หรืออะไรทั้งหมดที่ต้องทำบอกเราได้เลยนะคะ”

“ได้สิ ขอบใจ วรรณ บางทีฉันจะกลับบ้านไปสักสองสามชั่วโมง แต่ฉันอยากจะเห็นเฮงทานเนื้อลูกแพะก่อน ดังนั้นถ้าฉันสามารถจะทานข้าวกับเนื้อหมูพร้อมพวกเธอคืนนี้ มันคงจะดีนะ”

“สำหรับค่าใช้จ่าย ไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้นในตอนนี้นะ เฮงเป็นหลานชายคนโปรดของฉัน และฉันคงไม่ชอบที่จะเห็นอะไรที่เกิดขึ้นกับใครก็ตาม ถ้ามันสามารถทำได้ภายใต้การควบคุมของฉันเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น”

“ฉันสามารถเดินกลับบ้านและเดินกลับมาเองได้… จะทานข้าวกันกี่โมงล่ะ”

“เจ็ดถึงเจ็ดโมงครึ่งเหมือนเดิมตามปกติค่ะ แล้วยินดีต้อนรับป้าเป็นที่สุด”

“โอเค ฉันจะออกไปตอนนี้เลยนะ แล้วเจอกันตอนทุ่มนึง ไปก่อนนะ”

“แล้วเจอกันค่ะ ป้าดา และขอบคุณอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง”

เมื่อดาออกไปแล้ว วรรณรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องอยู่คนเดียวกับสามีของเธอ มันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เฮงล้มป่วย ขณะที่เด่นนำแพะลงไปที่ลำธาร และดินที่กำลังดูแลแปลงผักของครอบครัวอยู่ วรรณต้องการที่ไปบอกให้เด่นว่าเขาจะต้องฆ่าและเป็นคนเชือดลูกแพะที่วิ่งเล่นกับแม่ของมันในฝูง แต่เธอก็ไม่กล้าจะทิ้งเฮงไว้เพียงลำพัง ดินเป็นเพียงคนเดียวที่จะไปได้ ดังนั้นเธอก็หวังว่าดินจะกลับมาทานกลางวัน แต่โดยปกติแล้วเธอก็ทำเช่นนั้น วรรณจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเฮงจะได้กินสเต็กเนื้อ

เธอพยายามพูดกับเขา และก็ไม่มีใครได้ยิน เธอจึงใช้การแสดงความรัก

“เฮงที่รัก เธอตื่นหรือยังที่รัก เราทั้งหมด… และฉันเป็นห่วงเธอมาก… ได้โปรดตอบฉัน ถ้าเธอได้ยินฉัน”

“แน่นอน ฉันเพิ่งได้ยินเธอเมื่อตอนฉันตื่น แต่ฉันก็เผลอหลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า มัด” เขาพูดด้วยน้ำเสียงใหม่ที่ต่ำ และดังก้อง “และฉันคิดว่าตอนนั้นฉันพลาดบางสิ่งไป โดยทั่วไปแล้วฉันรู้สึกดีขึ้นมาก แค่รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย ฉันกำลังตั้งตารอทานอาหารเย็น

“ตอนนี้กี่โมงเเล้วนะ”

“สิบเอ็ดโมงสี่สิบห้า เราจะทานอาหารกลางวันกันในอีกสักครู่ เธอต้องการอะไรไหม”

มันมีอะไรบ้างล่ะ”

“โอ้ สลัด…”

“บ๊ะ อาหารกระต่ายหรอกหรือ!”

“แต่ แต่คุณเคยชอบผักสลัดสีเขียวมากนะเฮง… ”

“ฉันเคยชอบด้วยหรือ ฉันนึกไม่ออกเลย และก็จำไม่ได้ว่าชอบมัน”

“แล้วไข่เจียวล่ะ”

ได้นะ ฟังดูดีกว่า เธอช่วยผสมมิลค์เชคให้หน่อยได้ไหม”

“ได้สิ ที่รัก ทำไม่จะไม้ได้ล่ะ ฉันพอมีอยู่ แล้วค่อยเตรียมสำหรับมื้อเย็นทีหลัง

“เราจะรอดินอีกสามสิบนาที ดูว่าเธอจะกลับมาหรือไม่ ฉันต้องการให้เธอไปบอกเด่นให้ฆ่าลูกแพะสักตัวเอาไว้ให้เธอ”

หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ดินก็หยิบมีดสองสามเล่ม และถุงใส่เนื้อ และกระติกสำหรับใส่เลือดให้พี่ชาย เพื่อที่เขาจะได้ทำภาระกิจอันน่ากลัวของเขา จากนั้นดินก็กลับไปที่แปลงผัก

“เธอดูเหมือนจะชอบไข่เจียวใช่ไหม เฮง”

ใช่ มันดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยสารอาหาร อุดมไปด้วยโปรตีน”

วรรณวนเวียนอยู่รอบ ๆ เฮงตลอดบ่าย หั่นผัก และทำน้ำพริก ซอสพริก แต่เฮงก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะนอนพักกลางวัน หรืออาจจะงีบหลับช่วงบ่ายหลังจากรับประทานอาหารมื้อแรกในเวลาสองสามวัน

ดินกลับมาเป็นคนแรกในตอนเย็นพร้อมด้วยตะกร้าผัก และสมุนไพรสำหรับทำอาหารในวันถัดไป เด่นมาถึงในเวลาต่อมาเพียงเล็กน้อย และยื่นถุงเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าเรียบร้อย และกระติกเลือดจากแพะที่ตายให้แม่ของเขา

“ฉันจะต้องไป และทาเกลือลงบนผิวมันเลยใช่ไหม แม่ ฉันขูดหนังมันเหมือนที่พ่อเคยทำให้ดูแล้ว ฉันจะกลับมาอีกยี่สิบนาที”

“ไม่ต้องรีบไป เรายังมีเวลาอีกมาก เธอต้องอาบน้ำก่อนหลังจากเชือดแพะมา ก่อนที่จะมาที่โต๊ะอาหารด้วยนะ”

“แน่นอนครับแม่…”

“อืม มิลค์เชค ฉันได้กลิ่นหอมของมิวล์เชค… ” เฮงคนมันพร้อมกับบ่นงึมงำ

“ใช่ เฮง มิลค์เชค…มัดจะทำมิลค์เชคให้เธอทีหลัง แต่ก่อนอื่นต้องทำอาหารก่อนที่ป้าเธอจะมาถึงที่นี่

วรรณกระซิบบอกดิน” ฉันเชื่อว่าเขาสามารถได้กลิ่นเลือดแพะหรือเนื้อสัตว์ ดูจมูกของเขาสิ กระตุกเหมือนแม่มดเลย ใครจะไปเชื่อว่าอาทิตย์ก่อนหน้านี้ เราจะมีชีวิตได้แบบนี้”

วรรณนำเนื้อส่วนที่เหลือแช่ในช่องแช่แข็ง แล้วเอาเนื้อสำหรับเฮงออกไปหั่นให้เพียงพอที่จะไม่ให้กลิ่นเลือดไปรบกวนเขา และทำงานบ้านต่อไป เฮงกลับไปนอนหลับเหมือนของเล่นไขลานที่ลานอ่อน

ตอนหกโมงสี่สิบห้า วรรณเอาผักที่หั่นแช่น้ำขึ้นจากน้ำให้สะเด็ดน้ำ ติดไฟในถังที่พวกเขาใช้ปรุงอาหารบนบล็อกคอนกรีตเก่าที่อยู่บนโต๊ะ และเติมถ่านไปอีกสองสามก้อน คืนนี้พวกเขาจะทานหมูย่างของโปรดของเด็ก ๆ

อุปกรณ์สำหรับการทำหมูย่างนั้นเรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ มันเป็น “จาน” โลหะที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่องคั้นน้ำส้มสมัยก่อน รางรอบถูกเติมน้ำลงไปสำหรับต้มผัก และเส้นหมี่ที่ทำจากข้าว และย่างเนื้อสัตว์บนส่วนที่นูนคล้ายภูเขา ทุกคนปรุงอาหารของตัวเอง และเติมให้กันและกันเพื่อให้มันยังคงเป็นมื้ออาหารที่ทานร่วมกัน

เมื่อดามาถึงราวทุ่มสิบนาทีพอดิบพอดี วรรณจึงให้ดินไปเอาเนื้อจากตู้เย็นใต้ถุนบ้านออกมา เมื่อเธออยู่ห่างจากโต๊ะไม่เกินสิบหลา เฮง “กลับมามีชีวิตอีกครั้ง” จมูกเริ่มกระตุกได้

“อืม มิลค์เชคล่ะ!”

“รอก่อนสิ เฮง มิลค์เชคเอาไว้ทีหลัง ทานเนื้อลูกแพะย่างก่อน”

“อืม เนื้อลูกแพะย่าง อร่อย ไม่สุกมาก… ”

ดารู้สึกทึ่งและบันทึกไว้ในดวงจิต

เมื่อวรรณใส่เนื้อบนถาดย่าง เฮงถอดแว่นกันแดดออกเพื่อให้มองชัดขึ้นท่ามกลางแสงที่มืดลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาส่องประกายเหมือนสัญญาณเตือนไฟสีแดงวาว ทำให้เด็ก ๆ ตัวสั่นด้วยความกลัวและความฉงนใจ

ทุกคนที่นั่นจะบอกว่าผักต้ม และเนื้อสัตว์ปรุงอาหารมีกลิ่นหอมมาก แต่เฮงเป็นคนพูดก่อนเสียด้วย

“เนื้อลูกแพะย่างมีกลิ่นหอมมากในตอนนี้! อย่าเผาเลือด เฮงต้องการเนื้อที่ไม่สุกมาก… ที่ไม่มีผัก กลิ่นมันแย่มาก”

“ใช่ เฮง ฉันรู้ ไม่สุกมาก แต่ก็ไม่ดิบ นี่มันยังดิบอยู่ เธอต้องรออีกสักสองสามนาที”

“ไม่นะ มัด ฉันจะกินแบบนี้ ตอนนี้กลิ่นมันหอมมาก แต่ได้กลิ่นน้อยลงไปเรื่อย ๆ ฉันต้องการของฉันเดี๋ยวนี้”

“เอาล่ะ เฮง เอาที่สบายใจ คุณอยากได้ผักกินกับเนื้อของคุณ หรือเส้นหมี่สักหน่อยไหม”

“ไม่ เอาแต่เนื้อ ต้องการเนื้อกระต่าย ไม่ใช่อาหารกระต่าย”

วรรณเอาเนื้อสองชิ้นมาจากเตาไฟ เอาวางบนจานให้เฮงชิ้นหนึ่ง ยื่นและเอามันให้เขา

“ที่อยู่ตรงนั้นน่ะ พ่อ แต่สำหรับฉันมันก็ยังดูน่ากลัวเหมือนมีเลือดติดอยู่เลย พ่อเคยทำเนื้อสุกเหมือนพวกเรามาตลอดนะ”

เฮงเอาจานขึ้นมาดมกลิ่น เขาทำจมูกกระตุกเหมือนกระต่าย จากนั้นเขาก็วางจานไว้บนตักหยิบชิ้นเนื้อด้วยสองมือขึ้นมาดมกลิ่นอีกครั้ง

“หอมมาก” เขาพูด “สุกไปหน่อย แต่ก็อร่อยดี”

เฮงไม่ได้สังเกตว่าทุกคนกำลังพินิจพิเคราะห์ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ในขณะที่เขากัดชิ้นเนื้อเล็กน้อยและเคี้ยวมันด้วยฟันหน้าของเขา อย่างน้อยวรรณก็คาดหวังว่าเขาจะทานเนื้อทั้งหมดในคราวเดียว จากนั้นเขาก็ถือชิ้นเนื้อไว้ในมือข้างหนึ่ง และเอามืออีกข้างฉีกเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ ออกมา เมื่อเขาได้เห็นเลือดเยิ้มออกมานิดหน่อย เขาได้นำมันใส่ปากแล้วดูด

ครอบครัวของเขามองหน้ากันไปมาด้วยความฉงนกับดวงตาสีเลือดอมชมพูที่กำลังเพ่งมองเนื้อดุจนกเหยี่ยว

“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” เขาถามพร้อมกับเอียงศีรษะไปทางภรรยาอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีอะไรเฮง ไม่ได้มีปัญหาอะไร เป็นเรื่องดีมากที่ได้เห็นคุณกินอาหารแข็งได้อีกครั้งเท่านั้นแหละ เราก็แค่มีความสุขเพื่อคุณไม่ใช่หรอกหรือ ใช่ไหมทุกคน”

“ใช่” พวกเขาแสดงความเห็นด้วยอีกครั้ง แต่ดามีความกังวลใจ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งเหล่านี้ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะก็ตาม

“ดีมากเลย! แค่นั้นแหละ” เฮงพูดและกลับไปเลือกอาหารด้วยความเพลิดเพลินอย่างเห็นได้ชัด

เฮงใช้เวลาสามสิบนาทีเต็มในการทานเนื้อหมดไปหกตารางนิ้ว และจากนั้นเขาก็เริ่มแทะกระดูกจนเกลี้ยงและดูดจนแห้งสนิท คนอื่น ๆ พบว่าแทบจะไม่มีสมาธิกับอาหารของตัวเองเอาเสียเลย ผลที่ตามมาคือ รางต้มน้ำแห้งและเนื้อไหม้หลายครั้ง และอาหารจำนวนมากของพวกเขาเสียหายจนกินไม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเขายังคงกินอยู่ เพื่อจะได้ไม่ต้องทิ้งอาหาร

ตอนที่เขากินชิ้นแรกเสร็จ เฮงเช็ดปากด้วยหลังมือและเสร็จเป็นคนแรกแล้วก็เลีย และดูดมันจนสะอาด ผู้ที่เฝ้าดูอาจเดาได้ว่าเฮงเพิ่งได้รับการปล่อยตัวหลังจากการถูกขังเดี่ยวหลายปีในค่ายกักกันที่ทานเพียงขนมปังและน้ำด้วยปริมาณที่จำกัด ไม่มีใครเคยเห็นคนที่ชอบอาหารของพวกเขามากมายขนาดนี้มาก่อน

“พ่อต้องการอีกชิ้นหนึ่งตอนนี้ไหม” ดินถาม

เฮงเอาแผ่นผ้าที่คลุมบ่าและทำท่าสะบัดขึ้นลง เพื่อพยายามทำให้ตัวเองสบายขึ้น และเด่นก็ช่วยเอาจานออกจากตักของเขาก่อนที่มันจะตกลงไป

“เราจะรอให้ท้องลงก่อน” เฮงพูด “และจากนั้นจะทานต่อ อาหารอร่อยมาก เฮงชอบมันมาก”

เด่นมองไปที่แม่ของเขา และเธอก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เฮงพูดภาษาไทยแบบนกพิราบ และไม่มีใครเคยได้ยินการพูดที่แย่ขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าภาษาไทยของเขาจะไม่สมบูรณ์แบบนัก เพราะเขามีพ่อแม่เป็นคนจีน

และคนอื่น ๆ เริ่มทำอาหารให้ตัวเอง และเฮงเริ่มนิ่งอีกครั้ง แล้วก็มีเสียงบดขยี้ที่ไม่ค่อยชัดมาจากตัวเขาอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็แสดงออกอย่างสุภาพ ต่างก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วก็ดังมาอีกครั้ง และกลิ่นที่แย่มากก็โชยมา

มีเพียงวรรณและดาที่กล้ามองดูเฮงที่ยิ้มกว้างภายใต้แว่นตาดำของเขา

เด่นเริ่มหัวเราะคิกคัก จากตอนแรกที่เงียบ แต่เขาไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้นาน ดินก็เริ่มหัวเราะออกมา

“เงียบก่อน ลูก! พ่อไม่สามารถควบคุมได้ เขาป่วยอยู่” วรรณบอก “อาหารแข็งต้องผ่านเข้าไปในตัวเขา”

อย่างไรก็ตาม เด่นและดินไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เฮงนั่งลงตรงนั้น ด้วยใบหน้าที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างสำราญใจ อีกไม่กี่นาทีต่อมา กลิ่นก็ยังไม่หายไป วรรณพูดกับเด่น:

“เอาพ่อไปห้องน้ำได้ไหม เด่น เดี๋ยวเขาจะทำความสะอาดตัวเอง ถ้ายังมีปัญหาอะไร แค่ตะโกนแล้วแม่จะไปช่วยเอง

“เฮง เอากางเกงในของเธอใส่ในตะกร้าซักผ้านะ ฉันจะแยกมันออกในวันพรุ่งนี้”

เมื่อถอดมันออกแล้ว วรรณบอก:

“เอาล่ะ ฉันบ้างนะ! โอ้ ฉันบ้างนะ ป้าทำอะไรกับสิ่งนั้น ป้าดา”

“แปลกมากใช่ไหม แต่พฤติกรรมของเฮงทำให้ฉันนึกถึงนก ฉันไม่สามารถวางนิ้วลงบนมันได้ แต่วิธีที่เขานั่งอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเขาเกาะอยู่ และวิธีการกินของเขาด้วยการฉีกกิน… นกก็ทำอย่างนั้น ฉันคิดว่าสัตว์หลายตัวก็ทำเช่นกัน แต่เธอดูไก่ในลานบ้านเธอสิ ฉันไม่สามารถเอามันออกไปจากใจของฉันได้ เขาเกาะพักที่แผ่นผ้าของเขา และสวมแว่นตาหลังจากกินเนื้อไปแล้ว”

“ดังนั้นอย่าคิดว่าเขาจะกลั้นการขับถ่ายได้ใช่ไหม ฉันค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเตียงของเรา… เราเพิ่งซื้อที่นอนใหม่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา…มันจะน่าเสียดายใช่ไหม ป้าคิดว่ามันจะเป็นอะไรไหมที่เราจะให้เขาอยู่ในโรงนาจนกว่าเราจะแน่ใจ”

“ไม่ ไม่ต้องห่วงหรอก! ไม่มีนกแม้ตัวเดียวอึในรังของมันเอง แม้ว่าเธอต้องการให้เขาใส่ผ้าอ้อมจนกว่าเราจะรู้ว่าเขาดีขึ้น… หรือใส่กางเกงในสำหรับคนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ถ้าพอมี แต่เธอต้องไปซื้อมันในเมืองนะ

ตอนที่เฮงกลับมาพร้อมเด่น เขาดูหงอลงเล็กน้อย รู้สึกอายขึ้นมา

“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม เฮง” ผู้เป็นภรรยาถามเขา

“ใช่ อุบัติเหตุเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีอะไรอีกแล้วในวันนี้ ไปที่เตียงเดี๋ยวนี้”

“ได้ เป็นความคิดที่ดี ป้าดา มิลค์เชคของเขาเป็นอะไร”

“ฉันคิดว่าจริง ๆ แล้วเขาควรจะกินอะไรบางอย่างก่อนไปนอน ไม่ต้องกังวลเรื่องเตียงใหม่ของเธอนะ เขาไม่เคยทำสกปรกแบบนั้นมาก่อน ดังนั้นฉันก็ไม่คิดว่าคืนนี้เขาจะทำเช่นกัน แต่ฉันไม่อยากให้เขาตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อหาอะไรกิน ถ้าฉันอยู่ในบ้านกับเขา”

“ไม่ เธออาจพูดถูก เด่น เอาพ่อนั่งขอบโต๊ะสักครู่ก่อน ดิน เอามิลค์เชคมาสักแก้วได้ไหม”

เมื่อเขากระดกดื่ม และไม่มีเสียงหรือกลิ่นที่น่าสงสัยออกมา วรรณบอกให้ลูก ๆ พาพ่อเข้านอน

“ฉันจะขึ้นไปในไม่ช้าเพื่อไปดูเขา แต่คิดว่าเขาคงจะนอนหลับแล้วตอนนี้”

“เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ ป้าดา มีอะไรที่ต้องทำคะ ตอนนี้เรามีนกตัวหนึ่งอยู่ในครอบครัว! ป้าคิดเรื่องนั้นยังไงบ้าง”

“ฉันไม่แน่ใจเลย วรรณ แต่เรื่องตลกของเธอเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีรู้ไหม เราจะต้องรอดูก่อนสิ

“มาดูกันว่าเขาต้องการอพยพไปทางใต้ในช่วงฤดูหนาวก่อนหรือไม่”

วรรณไม่แน่ใจว่าป้าดาพูดติดตลกอย่างนั้นจริง ๆ หรือไม่ ดังนั้นเธอจึงยิ้มอ่อน ซึ่งเธอหวังว่าจะไม่สามารถหยั่งรู้ได้ แต่ก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ป้าดา แต่คือหมอผี

เธอรู้สึกเป็นกังวล แต่จากนั้นใครล่ะจะไม่อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

Назад