คนที่ขี่ม้านำมาด้านหน้านั้นคือ ธอร์
บทที่ สิบเอ็ด
ธอร์ขี่ม้ามาพร้อมกับกองทัพใหญ่ ทหารหลายพันคนมุ่งหน้าไปยังราชสำนักพร้อมกัน และเขารู้สึกถึงชัยชนะ แม้เขาจะยังลำดับไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น ธอร์ภูมิใจในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ภูมิใจที่แม้เหตุการณ์ในสนามรบจะดูเหมือนย่ำแย่อย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่ยอมพ่ายแพ้แก่ความกลัว ยังคงยืนและเผชิญหน้ากับศัตรูเหล่านั้น ซึ่งเขาเองก็ตกใจที่สามารถรอดชีวิตมาได้
การสู้รบทั้งหมดนั่นเป็นเหมือนความฝัน ธอร์รู้สึกดีใจที่เขาสามารถเรียกพลังออกมาใช้ได้ แม้เขาจะยังสับสนที่พลังของเขาไม่สามารถใช้งานได้ตลอด เขายังไม่เข้าใจมันและที่แย่กว่านั้น เขาไม่รู้ว่ามันมาจากที่ไหนหรือจะเรียกใช้ได้อย่างไร มันทำให้เขารู้ว่าเขาต้องพึ่งพาทักษะการต่อสู้ส่วนตัวของเขาด้วย เขาต้องเป็นนักสู้ที่เก่งที่สุด เป็นนักรบที่เก่งที่สุด ธอร์เริ่มตระหนักว่าการจะเป็นนักรบที่เก่งที่สุดนั้น เขาต้องการทั้งสองด้านของตัวเอง ทั้งการเป็นนักสู้และผู้วิเศษ หากนั่นเป็นสิ่งที่เขาเป็น
ธอร์ขี่ม้ามาตลอดคืนเพื่อกลับมายังราชสำนัก เขาเหนื่อยอ่อนมากแต่ก็มีความสุข อาทิตย์ดวงแรกโผล่พ้นขอบฟ้า ท้องฟ้ากว้างตรงหน้าเขาแต่งแต้มด้วยแสงสีเหลืองและชมพูหลายเฉด ธอร์รู้สึกเหมือนได้เห็นโลกนี้เป็นครั้งแรก เขาไม่เคยรู้สึกมีชีวิตชีวาเช่นนี้ เพื่อน ๆ รายล้อมอยู่รอบตัวเขาทั้งเจ้าชายรีซ โอคอนเนอร์ เอลเด็นและคู่แฝด และยังมีเจ้าชายเคนดริค คอล์ค บรอม และกองทหารยุวชน กองรบเงิน และทหารในกองทัพหลวง แทนที่ธอร์จะได้ขี่ม้าอยู่ชายขอบ เขากลับได้ขี่มาตรงกลาง ห้อมล้อมด้วยผู้คนเหล่านี้ ที่จริงแล้วทุกคนต่างมองเขาเปลี่ยนไปนับตั้งแต่การรบ ตอนนี้เขาเห็นความชื่นชมในแววตา ไม่เพียงจากเพื่อนทหารยุวชน แต่จากสายตาของนักรบตัวจริงด้วย เขาเผชิญหน้ากับกองทัพแม็คคลาวด์ด้วยตัวเองและพลิกสถานการณ์การศึกได้
ธอร์มีความสุขที่เขาไม่ทำให้เพื่อนทหารยุวชนผิดหวัง เขามีความสุขที่เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับอันตราย และรู้สึกเสียใจกับเพื่อนที่ต้องตายไปในการต่อสู้ เขาไม่รู้จักพวกนั้นแต่ก็อยากจะช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ มันเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงและนองเลือด แม้ตอนนี้ขณะที่กำลังขี่ม้าอยู่นี้ เวลาที่เขากระพริบตา ภาพการต่อสู้จะโผล่เข้ามาในหัว ภาพอาวุธต่าง ๆ และศัตรูที่พุ่งเข้าหา พวกแม็คคลาวด์นั้นโหดร้าย ธอร์โชคดีแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาจะโชคดีเช่นนี้อีกไหมถ้าต้องเจอพวกนั้นอีก ใครจะรู้ว่าเขาจะสามารถเรียกพลังมาใช้ได้อีกไหม เขาไม่รู้เลยว่ามันจะกลับมาอีกไหม เขาต้องการคำตอบ และเขาต้องตามหามารดา ธอร์อยากรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ เขาต้องตามหาอาร์กอน
โครห์นร้องครางอยู่ด้านหลัง ธอร์เอนหลังไปลูบหัวมัน ขณะที่โครห์นเลียฝ่ามือของเขา ธอร์โล่งอกที่โครห์นปลอดภัยดี เขาอุ้มมันออกจากสนามรบและมัดไว้บนหลังม้า โครห์นดูเหมือนจะเดินได้ แต่ธอร์อยากให้มันได้พักระหว่างการเดินทางกลับอันยาวนาน โครห์นโดนฟาดอย่างแรง ธอร์คิดว่ามันอาจจะซี่โครงหัก เขาแทบไม่รู้จะขอบใจมันอย่างไร มันเป็นเหมือนพี่น้องมากกว่าสัตว์เลี้ยง และมันได้ช่วยชีวิตเขาไว้มากกว่าหนึ่งครั้ง
เมื่อพวกเขาขึ้นไปถึงยอดเนิน ภาพอาณาจักรที่แผ่กว้างก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เมืองอันรุ่งโรจน์ของราชสำนักแผ่เหยียดยาวไป มีหอคอยและยอดแหลมของอาคารหลายสิบแห่งอยู่ภายในกำแพงหินโบราณ สะพานชักขนาดใหญ่ ประตูโค้งต่าง ๆ ทหารหลายร้อยนายยืนประจำยามอยู่บนเชิงเทินและตามถนนหนทาง มองเห็นเรือกสวนไร่นาอยู่ถัดไป และแน่นอนปราสาทของพระราชาตั้งอยู่ตรงกลางเมือง ธอร์คิดถึงเจ้าหญิงเกว็นขึ้นมาทันที พระนางทรงช่วยยึดเหนี่ยวเขาไว้ในสนามรบ ทรงเป็นเหตุผลและเป้าหมายที่เขาต้องมีชีวิตอยู่ เมื่อรู้ว่าเขาถูกหลอกให้ไปติดกับ และถูกซุ่มโจมตี ธอร์ก็กังวลกับความปลอดภัยของพระนางขึ้นมาทันที เขาหวังว่าเจ้าหญิงจะทรงปลอดภัยดี และไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังความหลอกลวงนี้ จะไม่แตะต้องพระนาง
ธอร์ได้ยินเสียงโห่ร้องดังอยู่ไกล ๆ เห็นบางอย่างระยิบระยับอยู่ในแสงแดด เมื่อเขาหรี่ตามองดูจากบนยอดเนิน เขาก็เห็นว่าประชาชนออกมารวมตัวกันด้านหน้าราชสำนัก เข้าแถวไปตามแนวถนน และโบกธง ผู้คนออกมาชุมนุมกันเพื่อต้อนรับพวกเขา
ใครบางคนเป่าแตรขึ้น ธอร์รู้ว่าพวกเขากำลังได้รับการต้อนรับกลับบ้าน เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่เขาไม่รู้สึกเป็นคนนอก
“เสียงแตรนั่น สำหรับเจ้า” เจ้าชายรีซตรัส ทรงขี่ม้าอยู่ข้างเขา และตบบ่าเขาเบา ๆ ทอดพระเนตรมองเขาด้วยความนับถือ “เจ้าคือแชมเปี้ยนของศึกครั้งนี้ เจ้าเป็นวีรบุรุษของทุกคนแล้ว”
“คิดดูสิ พวกเราคนหนึ่ง เป็นแค่ทหารยุวชน กลับสามารถจัดการกองทัพแม็คคลาวด์ทั้งกองทัพได้” โอคอนเนอร์กล่าวด้วยความภูมิใจ
“เจ้านำเกียรติยศมาให้กองทหารยุวชน” เอลเด็นบอก “ตอนนี้พวกเขาจะต้องยอมรับนับถือพวกเราอย่างจริงจังมากขึ้น”
“นี่ยังไม่พูดถึงที่เจ้าได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ด้วย” คอนวอลกล่าว
ธอร์ยักไหล่ รู้สึกภาคภูมิใจ แต่ก็ปฏิเสธที่จะให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เข้ามาในใจ เขารู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ อ่อนแอและบอบบางเหมือนเช่นคนอื่น ๆ เขารู้ว่าการสู้รบอาจจะพลิกเป็นอีกอย่างหนึ่งได้
“ข้าเพียงแต่ทำสิ่งที่ฝึกฝนมา” ธอร์บอก “สิ่งที่พวกเราทุกคนฝึกมา ข้าไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น ๆ วันนี้ข้าเพียงแต่โชคดีเท่านั้น”
“ข้าอยากจะบอกว่านั่นมันมากกว่าโชค” เจ้าชายรีซตรัส
พวกเขายังคงขี่ม้าเหยาะย่างช้า ๆ ไปตามถนนหลักที่ทอดสู่เขตราชสำนัก ขณะนั้นถนนเริ่มมีผู้คนมาชุมนุมจากเขตนอกเมือง ส่งเสียงโห่ร้อง โบกธงสีน้ำเงินเหลืองประจำราชวงศ์แม็คกิล ธอร์รู้ว่านี่กำลังจะกลายเป็นขบวนพาเหรด ผู้คนทั้งเมืองจะออกมาเฉลิมฉลองให้พวกเขา เขามองเห็นความโล่งอกและยินดีบนใบหน้าของทุกคน ซึ่งเขาเข้าใจว่าเพราะเหตุใด หากกองทัพแม็คคลาวด์เข้ามาใกล้มากขึ้นอีก พวกมันก็คงจะทำลายทุกสิ่ง
ธอร์ขี่ม้าฝ่าฝูงชนไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ข้ามสะพานชักทำด้วยไม้ เสียงกีบเท้าม้าย่ำไปบนพื้นไม้ ทุกคนผ่านประตูโค้งหินใหญ่ ลอดใต้อุโมงค์ไปโผล่อีกด้าน เข้าสู่ราชสำนัก ที่ซึ่งพวกเขาได้พบกับฝูงชนที่โห่ร้องยินดี ทุกคนโบกธงและโยนลูกอมให้ คณะนักดนตรีเริ่มบรรเลง เสียงฉาบ กลองดังขึ้น ขณะที่ผู้คนเริ่มต้นเต้นรำกันบนถนน
ธอร์ลงจากหลังม้าพร้อมกับคนอื่น ๆ เมื่อฝูงชนหนาแน่นเกินกว่าจะขี่ม้าต่อไป เขาเอื้อมไปช่วยโครห์นลงจากหลังม้า มองดูมันอย่างระวังเมื่อเห็นมันปวกเปียก ก่อนที่จะลุกขึ้นเดิน มันสบายดีพอที่จะเดินได้แล้ว ทำให้ธอร์โล่งอก โครห์นหันมาเลียมือเขาหลายครั้ง
ทั้งคณะเดินผ่านจัตุรัสไป ธอร์ได้กอดและโอบจากรอบด้านโดยคนที่เขาไม่รู้จัก
“ท่านช่วยพวกเราไว้!” ผู้เฒ่าคนหนึ่งตะโกนขึ้น “ท่านช่วยให้อาณาจักรของเราเป็นอิสระ!”
ธอร์อยากจะตอบ แต่ก็ทำไม่ได้ เสียงของเขาถูกกลืนหายไปกับเสียงอึกทึกของผู้คนหลายร้อยคนที่ต่างโห่ร้องและตะโกนอยู่รอบตัวพวกเขา ทั้งยังเสียงดนตรีที่บรรเลงขึ้น ในไม่ช้าถังเอลก็ถูกกลิ้งออกมาในสนาม ชาวบ้านเริ่มดื่ม ร้องรำทำเพลงและหัวเราะกัน
แต่ในใจธอร์มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น เจ้าหญิงเกว็นโดลีน เขาอยากพบพระนาง ธอร์กวาดตามองหา อยากจะเห็นพระนางเพียงแว่บหนึ่ง เขามั่นใจว่าเจ้าหญิงจะต้องอยู่ที่นี่ แต่ต้องใจเสียที่มองหาพระนางไม่พบ
เขารู้สึกว่ามีคนสะกิดที่ไหล่
“ข้าเชื่อว่าสตรีที่เจ้ากำลังมองหาอยู่ทางนี้นะ” เจ้าชายรีซตรัส ทรงดึงเขาหันไปแล้วชี้ไปอีกทาง
ธอร์หันไปมอง ดวงตาเป็นประกายขึ้น ผู้ที่กำลังรีบตรงมาหาเขา มีรอยแย้มสรวลกว้างด้วยความโล่งพระทัยบนพระพักตร์ และดูเหมือนทรงไม่ได้พักผ่อนมาตลอดคืน นั่นคือเจ้าหญิงเกว็นโดลีน
พระนางดูงดงามยิ่งกว่าที่เขาเคยเห็น เจ้าหญิงทรงรีบเสด็จมาหาเขาและวิ่งเข้าหาอ้อมแขนของธอร์ พระนางทรงกระโดดกอดเขาไว้ ซึ่งธอร์กอดตอบแนบแน่น หมุนพระนางไปรอบ ๆ เจ้าหญิงกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ธอร์รู้สึกถึงน้ำพระเนตรที่หยดลงที่ลำคอ เขารู้สึกถึงความรักที่ทรงมีให้ ซึ่งเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณพระเจ้าที่เจ้ารอดชีวิต” เจ้าหญิงตรัสด้วยความดีใจ
“ข้าคิดถึงแต่ท่าน” ธอร์ทูลตอบพลางกอดพระนางไว้แน่น เมื่อเขาได้กอดพระนางไว้ทุกสิ่งในโลกดูเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
ธอร์ผละออกช้า ๆ เจ้าหญิงเงยพระพักตร์ขึ้นมองเขา ก่อนจะจุมพิตกันเนิ่นนาน ผู้คนเต้นรำอยู่รอบตัวทั้งสอง
“เกว็นโดลีน!” เจ้าชายรีซร้องขึ้นด้วยความยินดี
เจ้าหญิงทรงหันไปและสวมกอดอนุชาไว้ เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงก้าวออกมาและกอดธอร์ ก่อนจะหันไปกอดเจ้าชายรีซผู้เป็นอนุชา เป็นการรวมตัวของครอบครัวซึ่งธอร์รู้สึกราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่ง ราวกับคนเหล่านี้คือครอบครัวของเขาเอง ทุกคนมารวมกันด้วยความรักที่มีต่อราชาแม็คกิล และความเกลียดชังที่มีต่อราชากาเร็ธ
โครห์นกระโจนเข้าหาเจ้าหญิงเกว็นโดลีน พระนางทรงเซไปพลางทรงพระสรวล และทรงกอดมันไว้ขณะที่โครห์นเลียพระพักตร์
“เจ้าตัวโตขึ้นทุกวันเลย!” เจ้าหญิงทรงอุทาน “ข้าจะขอบใจเจ้าอย่างไรดีที่ช่วยให้ธอร์ปลอดภัย?”
โครห์นกระโดดตะกายหาหลายครั้งจนในที่สุดเจ้าหญิงต้องตีมันเบาพลางทรงพระสรวล
“ไปจากที่นี่กันเถอะ” เจ้าหญิงเกว็นตรัสบอกธอร์ ทรงถูกเบียดจากฝูงชนที่รายล้อมอยู่ เจ้าหญิงทรงจับมือธอร์ไว้
ธอร์ก็กุมพระหัตถ์พระนางไว้ และกำลังจะตามไป เมื่อจู่ ๆ อัศวินกองรบเงินหลายคนก็เข้ามาด้านหลังธอร์ แล้วยกเขาลอยขึ้นในอากาศ ชูไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะแบกเขาไว้บนบ่า ขณะที่ธอร์ถูกยกลอยอยู่ในอากาศ มีเสียงตะโกนดังมาจากฝูงชน
“ธอร์กริน!” ผู้คนต่างโห่ร้อง
ธอร์ถูกหมุนไปรอบ ๆ เมื่อเหยือกเอลถูกยัดใส่มือเขา ธอร์เงยหน้าขึ้นดื่ม ผู้คนส่งเสียงโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง
ธอร์ถูกวางลงอย่างไม่มีพิธีรีตอง เขาเซไปพลางหัวเราะ ขณะที่ชาวบ้านโอบล้อมเขาไว้
“เรากำลังจะไปที่งานเลี้ยงฉลองชัยชนะ” อัศวินคนหนึ่งบอก ธอร์ไม่รู้จักอัศวินกองรบเงินที่ตบหลังเขาด้วยฝ่ามือหนา “เป็นงานเลี้ยงสำหรับนักรบเท่านั้น สำหรับชายหนุ่ม เจ้าต้องไปร่วมงานด้วย เขาจัดที่ให้เจ้าไว้แล้ว เจ้าและเจ้าและเจ้าด้วย” เขาบอกพลางหันไปหาเจ้าชายรีซ โอคอนเนอร์และเพื่อนคนอื่น ๆ ของธอร์ “พวกเจ้าเป็นชายหนุ่มแล้ว และเจ้าต้องไปร่วมวงกับพวกเรา”
เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกเมื่อพวกเขาถูกอัศวินกองรบเงินคว้าตัวไป ธอร์สะบัดหลุดในวินาทีสุดท้ายและหันมาหาเจ้าหญิงเกว็น เขารู้สึกผิดและไม่อยากให้พระนางทรงผิดหวัง
“ไปกับพวกเขาเถอะ” พระนางตรัสอย่างไม่เห็นแก่พระองค์เอง “เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าต้องทำ ไปร่วมงานเลี้ยงกับพี่น้องของเจ้า ฉลองร่วมกับพวกเขา มันเป็นธรรมเนียมของกองรบเงิน เจ้าไม่ควรพลาด คืนนี้ค่อยมาพบข้าที่ประตูด้านหลังหออาวุธ ตอนนั้นเราค่อยอยู่ด้วยกัน”
ธอร์ชะโงกไปจุมพิตพระนางอีกครั้งเนิ่นนานเท่าที่จะทำได้ จนถูกเพื่อนทหารดึงตัวไป
“ข้ารักเจ้า” เจ้าหญิงตรัสบอกเขา
“ข้าก็รักท่าน” เขาทูลบอก หมายความตามคำพูดยิ่งกว่าที่เจ้าหญิงจะทรงรู้
สิ่งที่เขาคิดถึงระหว่างที่ถูกลากตัวไป ระหว่างที่มองพระเนตรคู่งามที่เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อเขา คือสิ่งที่เขาต้องการยิ่งกว่าสิ่งใด เขาต้องการขอเจ้าหญิงแต่งงาน เพื่อให้พระนางเป็นของเขาตลอดไป แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เขาบอกตัวเองว่าในไม่ช้านี้ล่ะ
บางทีอาจจะเป็นคืนนี้
บทที่ สิบสอง
ราชากาเร็ธทรงยืนอยู่ในห้องบรรทมของพระองค์ ทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่างเมื่อแสงอรุณฉายแสงเหนือราชสำนัก เมื่องทรงเห็นราษฎรที่ออกมาชุมนุมกันด้านล่างแล้วทรงรู้สึกคลื่นไส้ ณ ขอบฟ้านั้นมีสิ่งที่ทรงหวั่นเกรงที่สุด เป็นภาพที่ทรงหวาดกลัวที่สุด ภาพกองทัพหลวงกำลังเดินทางกลับมาพร้อมชัยชนะ ความภาคภูมิใจที่มีชัยเหนือกองทัพแม็คคลาวด์ เจ้าชายเคนดริคและธอร์ขี่ม้านำหน้ามาอย่างเสรี และมีชีวิต เป็นวีรบุรุษ สายสืบของพระองค์ได้ทูลรายงานให้ทรงทราบแล้วว่าธอร์รอดจากการถูกซุ่มโจมตี เขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ตอนนี้เหล่าทหารต่างฮึกเหิม และเดินทางกลับมายังราชสำนักในฐานะกองทัพที่แข็งแกร่ง แผนการทุกอย่างที่ทรงวางไว้ถูกทำลายย่อยยับ เหลือเพียงความปั่นป่วนในพระนาภี ราชากาเร็ธทรงรู้สึกว่าอาณาจักรกำลังรุกเข้าหาพระองค์
ราชากาเร็ธทรงได้ยินเสียงเอี้ยดอ้าดภายในห้อง พระองค์ทรงหันมาและต้องหลับพระเนตรลงอย่างรวดเร็วกับภาพที่เห็นตรงหน้า และตัวแข็งด้วยความกลัว
“จงลืมตาขึ้น ลูกชาย!” มีเสียงดังก้องขึ้น
ราชากาเร็ธทรงลืมพระเนตรขึ้นพลางตัวสั่น ทรงตกตะลึงที่ได้เห็นพระบิดาทรงยืนอยู่ตรงนั้น พระศพที่กำลังเน่าเปื่อย มีมงกุฎขึ้นสนิมบนพระเศียร และถือคทาเป็นสนิมอยู่ในพระหัตถ์ พระองค์ทรงมองมาด้วยด้วยแววตำหนิในสายพระเนตร
“เลือดต้องล้างด้วยเลือด” พระบิดาทรงประกาศ
“ข้าเกลียดท่าน!” ราชากาเร็ธทรงตะโกน “ข้าเกลียดท่าน!” ทรงตรัสย้ำ และชักพระแสงมีดสั้นออกจากรัดพระองค์ และพุ่งเข้าหาพระบิดา
เมื่อพระองค์ไปถึงพระบิดา ทรงฟันมีดสั้นเข้าใส่ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ทำให้ทรงเซถลาไป
ราชากาเร็ธทรงหันหา แต่วิญญาณได้หายไปแล้ว พระองค์ทรงอยู่เพียงลำพังในห้อง ทรงอยู่ลำพังมาตลอด นี่พระองค์ทรงเสียสติไปแล้วใช่ไหม?
ราชากาเร็ธทรงวิ่งไปที่มุมห้องบรรทม ทรงรื้อค้นในตู้ฉลองพระองค์และหยิบกล้องยาฝิ่นออกมาด้วยพระหัตถ์สั่นเทา ราชากาเร็ธทรงรีบจุดกล้องแล้วสูดยาฝิ่นเข้าลึกหลายหน พระองค์ทรงรู้สึกว่าฤทธิ์ยาแล่นไปทั่วพระวรกาย และทรงล่องลอยไปอาการเมายา พระองค์ทรงติดฝิ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะหลังมานี้ มันดูจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยขจัดภาพของพระบิดาให้หายไปได้ ราชากาเร็ธทรงทรมานที่ต้องอยู่ที่นี่ และทรงเริ่มสงสัยว่าวิญญาณของพระบิดาติดอยู่ผนังเหล่านี้หรือไม่ และพระองค์ควรจะย้ายราชสำนักไปอยู่ที่อื่นแทนหรือไม่ พระองค์ทรงอยากจะรื้อที่นี่อยู่แล้ว ที่นี่มีความทรงจำในวัยเยาว์ทุกอย่างที่พระองค์ทรงเกลียด
ราชากาเร็ธทรงหันไปทางหน้าต่าง พระเสโทเย็นไหลไปทั่วพระวรกาย ทรงเช็ดพระเสโทบนพระนลาฏด้วยหลังพระหัตถ์ พระองค์ทรงทอดพระเนตรกองทัพกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา ทรงสามารถมองเห็นธอร์ได้แม้จากตรงนี้ ราษฎรโง่เง่าห้อมล้อมเขาราวกับวีรบุรุษ ทำให้ราชากาเร็ธยิ่งทรงหงุดหงิด ทำให้พระองค์รุ่มร้อนด้วยความริษยา แผนการทุกอย่างที่ทรงวางไว้ล้มเหลวหมด เคนดริคเป็นอิสระ ธอร์ยังมีชีวิตอยู่ แม้แต่ก็อดฟรีย์ก็ยังรอดมาจากยาพิษจนได้ ยาพิษนั่นมากพอจะฆ่าม้าได้ด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างไรแผนการอื่นของพระองค์ก็ได้ผล อย่างน้อยที่สุดเฟิร์ธก็ตาย ไม่มีพยานยืนยันว่าพระองค์เป็นผู้ปลงพระชนม์พระบิดา ราชากาเร็ธทรงหายพระทัยเข้าลึก ทรงเบาใจเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็น นอกจากนี้ขบวนของพวกเนวารันกำลังเดินทางมาเพื่อพาเกว็นโดลีนไป ลากนางไปอยู่ในมุมที่เลวร้ายในอาณาจักรวงแหวนและให้นางแต่งงานออกไป ราชาทรงแย้มสรวลเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ทรงเริ่มรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยที่สุดนางก็จะไปให้พ้นหูพ้นตาในไม่ช้านี้
ราชากาเร็ธทรงมีเวลา พระองค์จะหาหนทางอื่นจัดการกับเคนดริค ธอร์และก็อดฟรีย์ ทรงมีแผนการมากมายที่จะกำจัดพวกนั้นไปเสีย และทรงมีทั้งเวลาและอำนาจที่จะทำให้เกิดขึ้น เอาเถิด ครั้งนี้พวกมันชนะ แต่พวกมันจะต้องแพ้ในครั้งต่อไป