เสียงร้องแห่งเกียรติยศ - Морган Райс 5 стр.


เขาลงจากหลังม้าแล้วรีบเข้าไปด้านใน ใช้ข้อศอกแหวกทางผ่านพวกขี้เมาที่โหวกเหวกโวยวายเข้าไปจนถึงเจ้าของโรงเตี๊ยม ที่ยืนด้านหลัง ตรงกลางห้อง กำลังจดชื่อคน แล้วรับเงินมา ก่อนจะชี้บอกทางไปที่ห้องพัก เขาเป็นคนท่าทางสะโอดสะอง มีรอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้า เหงื่อไหลโทรม และกำลังถูมือเข้าด้วยกันขณะที่นับเงิน เขาเงยหน้าขึ้นมองอีเร็ค มีรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้า

“ต้องการห้องพักหรือท่าน?” เขาถาม “หรือว่าต้องการสตรี?”

อีเร็คส่ายหน้าแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ ต้องการให้เขาได้ยินท่ามกลางเสียงอึกทึกนี้

“ข้ามาตามหาพ่อค้า” อีเร็คบอก “พ่อค้าทาส เขาขี่ม้ามาจากซาวาเรีย เมื่อวันหรือสองวันก่อนหน้านี้ เขามีสินค้าล้ำค่ามาด้วย พวกทาส”

ชายเจ้าของโรงเตี๊ยมเลียริมฝีปาก

“ที่ท่านต้องการเป็นข้อมูลที่มีราคา” เขาบอก “ข้าจัดหาให้ได้ ง่ายเหมือนกับที่ข้าจัดหาห้อง”

เขายื่นมือมาข้างหน้า แล้วถูนิ้วเข้าด้วยกัน ก่อนจะแบมือออก เขาเงยหน้ามองอีเร็คแล้วยิ้ม เหงื่อเป็นเม็ดอยู่เหนือริมฝีปากบน

อีเร็ครังเกียจชายคนนี้ แต่เขาต้องการข้อมูลและไม่อยากเสียเวลา ดังนั้นเขาจึงล้วงลงไปในถุงเงินแล้ววางเหรียญทองอันใหญ่ลงในมือของชายเจ้าของโรงเตี๊ยม

เขาทำตาโตขณะที่พิจารณาดูเหรียญทอง

“ทองของพระราชา” เขาสังเกตด้วยความประทับใจ

เขามองดูอีเร็คทั่วตัวด้วยสายตาแสดงความเคารพระคนสงสัย

“ท่านขี่ม้ามาจากราชสำนักจนถึงที่นี่เลยอย่างนั้นหรือ?” เขาถาม

“พอได้แล้ว” อีเร็คตอบ “ข้าเป็นคนถามคำถาม ข้าจ่ายให้แล้ว บอกข้ามาได้แล้ว ว่าพ่อค้าอยู่ที่ไหน?”

เจ้าของโรงเตี๊ยมเลียริมฝีปากหลายครั้ง ก่อนจะชะโงกเข้ามาใกล้

“ชายคนที่ท่านตามหาคือ เออร์บอต เขาจะมาอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง พร้อมกับพวกนางโลมชุดใหม่ เขาขายพวกนางให้แก่คนที่ให้ราคาสูงที่สุด ท่านน่าจะพบเขาได้ที่ซ่องของเขา ไปตามถนนเส้นนี้จนสุดทาง เขาอยู่ที่นั่นแหละ แต่ถ้าสตรีที่ท่านตามหามีค่ามาก นางน่าจะถูกขายไปแล้ว นางโลมของเขาอยู่ไม่นานหรอก”

อีเร็คหมุนตัวจะไป เมื่อรู้สึกว่ามีมืออุ่นและชื้นคว้าข้อมือเขาไว้ เขาหันมาแล้วต้องประหลาดใจที่เห็นเจ้าของโรงเตี๊ยมดึงเขาไว้

“หากท่านกำลังหานางโลมอยู่ล่ะก้อ ทำไมไม่ลองของข้าสักคนล่ะ พวกนางเยี่ยมพอ ๆ กับของเขาเลยนะ แต่ถูกกว่าครึ่งหนึ่งทีเดียว”

อีเร็คยิ้มหยันด้วยความรังเกียจ หากเขามีเวลา เขาคงจะฆ่าชายคนนี้ไปแล้ว เพื่อช่วยกำจัดคนประเภทนี้ให้หมดไปจากโลก แต่เขาต้องรีบตัดบท และตัดสินใจว่าชายคนนี้ไม่คู่ควรจะเสียเวลาด้วย

อีเร็คสะบัดมือออก ก่อนจะชะโงกเข้าไปใกล้

“ถ้าแตะต้องตัวข้าอีก” อีเร็คเตือน “เจ้าจะต้องคิดว่าไม่น่าจะทำเลย ตอนนี้ถอยไปห่าง ๆ ข้าสองก้าว ก่อนที่ข้าจะหาที่เหมาะ ๆ แทงเจ้าด้วยดาบในมือข้า”

เจ้าของโรงเตี๊ยมมองดูตาโตด้วยความกลัว แล้วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

อีเร็คหันหลังรีบเดินออกไป ใช้ข้อศอกดันและผลักคนในร้านให้พ้นทางขณะที่รีบออกไปด้านนอกผ่านประตูบานคู่ เขาไม่เคยรังเกียจใครเช่นนี้มาก่อน

อีเร็คขึ้นหลังม้าของเขาซึ่งกำลังเหยาะย่างและพ่นลมใส่ขี้เมาที่เดินผ่านมาจ้องดูมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาพยายามที่จะขโมยมัน อีเร็ครู้ทัน เขากำลังคิดว่าหากเขาไม่กลับมาพวกมันจะขโมยจริงหรือไม่ อีเร็คเตือนตัวเองว่าต่อไปให้ผูกม้าให้แน่นหนา เขาประหลาดใจกับความโสมมของเมืองนี้ ถึงอย่างไร วาร์คฟิน ม้าของเขาเป็นม้าศึกที่แข็งแกร่ง หากใครพยายามที่จะขโมยมันไป มันคงจะกระทืบตาย

อีเร็คเตะกระตุ้นวาร์คฟิน แล้วออกเดินทางไปตามถนนแคบ ๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะหลบผู้คนมากมาย แม้จะดึกแล้ว แต่บนถนนยังมีผู้คนหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ คนหลายเชื้อชาติร่วมสังสรรค์กัน ขี้เมาหลายคนร้องโวยวายขึ้นเมื่อเขาขี่ม้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่สนใจ อีเร็ครู้สึกว่าอลิสแตร์อยู่แค่เอื้อมและเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะได้นางคืนมา

ถนนไปสิ้นสุดลงที่กำแพงหิน อาคารสุดท้ายที่อยู่ทางขวามือเป็นโรงแรมเอียง ๆ หลังหนึ่ง มีผนังดินสีขาวและหลังคามุงจาก ซึ่งดูเหมือนมันเคยรุ่งเรืองกว่านี้ เมื่อดูจากท่าทางของคนที่เดินเข้าออกแล้ว อีเร็ครู้สึกได้ว่าเขามาถูกที่แล้ว

อีเร็คลงจากหลังม้า ผูกไว้กับเสาอย่างแน่นหนา แล้วพรวดเข้าประตูไป แต่เขากลับต้องชะงักอยู่กับที่ด้วยความประหลาดใจ

ข้างในนั้นมีแสงสลัว เป็นห้องใหญ่ห้องหนึ่งที่มีคบไฟวูบไหวอยู่บนผนังเพียงไม่กี่อัน และเตาผิงที่ไฟกำลังมอดอยู่ห่างออกไปที่มุมหนึ่ง มีพรมปูไว้ทั่วไปหมด และบนพรมนั้นก็มีสตรีหลายคนแต่งกายน้อยชิ้น ถูกมัดไว้ด้วยกันด้วยเชือกเส้นหนาและล่ามไว้กับกำแพง ทุกคนดูเหมือนจะเมายา อีเร็คได้กลิ่นฝิ่น และเห็นบ้องสูบถูกส่งต่อกันไป ชายแต่งตัวดีสองสามคนเดินไปทั่วห้อง เตะและสะกิดเท้าของสตรีเหล่านั้นทางโน้นทีทางนี้ที ทำราวกับกำลังทดสอบสินค้าและตัดสินใจว่าจะซื้ออะไรดี

ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงตัวเล็กที่อีกฟากห้อง เขาสวมเสื้อคลุมไหม มีสตรที่ถูกล่ามอยู่ด้วยกันนั่งขนาบอยู่สองข้าง ด้านหลังมีชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ตัวสูงใหญ่กว่าอีเร็คเสียอีก ดูเหมือนกับพวกเขาคงจะตื่นเต้นที่จะฆ่าใครสักคน

อีเร็คเข้ามาภายในและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่นี่คือซ่อง สตรีเหล่านี้มีไว้ให้เช่า และคนที่อยู่ตรงมุมนั้นต้องเป็นตัวการ เป็นคนที่ลักตัวอลิสแตร์ และอาจจะลักตัวสตรีเหล่านี้ทั้งหมดด้วย อีเร็ครู้ว่าในตอนนี้อลิสแตร์ก็อาจจะอยู่ในห้องนี้

เขารีบเดินหาอย่างกระวนกระวายไปตามแถวของบรรดาสตรี กวาดตามองใบหน้าของพวกนาง มีสตรีอยู่หลายสิบคนในห้องนี้ บางคนสลบไสลไป แสงสลัวภายในห้องทำให้ยากที่จะบอกได้ในทันที เขามองดูไปทีละคน กำลังเดินไปตามแถว เมื่อจู่ ๆ ฝ่ามือใหญ่ก็กระแทกเข้าที่อก

“เจ้าจ่ายเงินรึยัง?” เสียงแหบพร่าถามขึ้น

อีเร็คเงยหน้าขึ้นเห็นชายร่างใหญ่ยืนค้ำเขาอยู่ ทำหน้าถมึงทึง

“ถ้าเจ้าอยากจะดูพวกนาง เจ้าก็ต้องจ่าย” เขาบอกดังด้วยเสียงแหบต่ำ “นั่นเป็นกฎ”

อีเร็คยิ้มหยันตอบ รู้สึกเกลียดขึ้นมาทันที เขายื่นมือออกไปใช้สันมือกระแทกเข้าใส่คอหอยอย่างรวดเร็วก่อนที่ชายคนนั้นจะทันกระพริบตา

ชายร่างใหญ่อ้าปาก ตาเบิกโพลง ก่อนจะทรุดลงคุกเข่า มือกุมลำคอไว้ อีเร็คเงื้อศอกฟันเข้าใส่ขมับ จนเขาล้มลงไปนอนคว่ำหน้า

อีเร็คเดินเร็วไปตามแถว กวาดตาดูใบหน้าเพื่อมองหาอลิสแตร์ แต่ไม่พบนางเลย นางไม่ได้อยู่ที่นี่

อีเร็คใจเต้นรัวเมื่อรีบเดินไปยังอีกฟากห้อง ที่ชายผู้สูงวัยกว่ากำลังนั่งอยู่ คอยดูแลทุกอย่าง

“เจ้าได้เจอคนที่ชอบหรือยัง?” เขาถาม “มีคนที่เจ้าอยากจะประมูลไหม?”

“ข้ามาหาสตรีนางหนึ่ง” อีเร็คบอกเสียงแข็ง พยายามที่จะสงบ “และข้าจะขอพูดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นางตัวสูงมีผมสีทอง ดวงตาสีเขียว นางชื่ออลิสแตร์ นางถูกพามาจากซาวาเรียเมื่อวันหรือสองวันก่อน มีคนบอกข้าว่านางถูกพามาที่นี่ เป็นความจริงใช่ไหม?”

ชายคนนั้นส่ายหน้าช้า ๆ พลางยิ้มกริ่ม

“ข้าเกรงว่าของที่เจ้าหาถูกขายไปแล้ว” เขาบอก “เป็นของดีเสียด้วย เจ้านี่มีรสนิยมดี เลือกคนอื่นสิ ข้าจะลดราคาให้”

อีเร็คไม่พอใจ รู้สึกเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็น

“ใครพานางไป?” อีเร็คตะคอก

ชายคนนั้นยิ้ม

“แหม ดูเหมือนเจ้าจะปักใจกับทาสคนนี้เป็นพิเศษ”

“นางไม่ใช่ทาส” อีเร็คตะคอก “นางเป็นภรรยาของข้า”

ชายคนนั้นมองมาด้วยความตกใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง

“ภรรยาของเจ้า! มุขนี้ดีนี่ แต่พอแล้วนะ สหาย ตอนนี้นางเป็นของเล่นของคนอื่นไปแล้ว” แล้วใบหน้าของเขาหม่นคล้ำลง เป็นถมึงทึงราวกับปิศาจ เมื่อเขาชี้สั่งลูกน้อง แล้วบอกต่อว่า “ตอนนี้จัดการกำจัดขยะชิ้นนี้ไปได้แล้ว”

ชายล่ำสันสองคนก้าวมาข้างหน้าด้วยความเร็วที่ทำให้อีเร็คประหลาดใจ ทั้งคู่พุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกัน ยื่นมือมาหมายจะคว้าอก

แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังจะสู้กับใคร อีเร็คไวกว่าทั้งสองคน เขาฉากหลบก่อนจะคว้าข้อมือของคนหนึ่งไว้แล้วบิดไปด้านหลังจนมันหงายหลังลงนอน แล้วฟันศอกใส่ที่คอของอีกคน อีเร็คก้าวไปข้างหน้าแล้วบีบคอของคนที่นอนอยู่บนพื้น ทำให้สลบไป จากนั้นจึงชะโงกไปใช้หัวกระแทกกับคนอีกคนที่กำลังกุมลำคอไว้ สลบไสลตามไปอีกคน

ชายทั้งสองนอนไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น อีเร็คก้าวข้ามทั้งสองคนตรงไปหาเจ้าของซ่อง ที่ตอนนี้กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ในเก้าอี้ ตาโพลงด้วยความกลัว

อีเร็คยื่นมือไปจิกผมเขาไว้ แล้วกระชากไปด้านหลัง เอามีดจ่อเข้าที่คอหอย

“บอกมาว่านางอยู่ที่ไหน แล้วข้าอาจจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่” อีเร็คคำราม

ชายคนนั้นอึกอัก

“ข้าจะบอก แต่เจ้ากำลังเสียเวลา” เขาตอบ “ข้าขายนางให้กับท่านลอร์ดคนหนึ่ง เขามีกองอัศวินของตัวเอง และอาศัยอยู่ในปราสาท เขาเป็นคนที่มีอำนาจมาก ปราสาทของเขาไม่เคยมีคนผ่านไปได้ และนอกจากนั้นเขายังมีกองทัพของตัวเองไว้คอยเป็นกองหนุน เขาร่ำรวยมาก และมีกองกำลังทหารรับจ้างที่พร้อมจะทำตามคำสั่งของเขาตลอดเวลา สตรีนางไหนที่เขาซื้อไป เขาจะเก็บไว้ ไม่มีทางที่เจ้าจะได้ตัวนางมาง่าย ๆ ดังนั้นจงกลับไปยังที่ ๆ เจ้าจากมา นางไปแล้ว”

อีเร็คกดคบมีดแน่นเข้าจนเริ่มมีโลหิตซึม และเจ้าของซ่องร้องออกมา

“ลอร์ดคนนี่อยู่ที่ไหน?” อีเร็คเกรี้ยวกราด หมดความอดทน

“ปราสาทของเขาอยู่ทางตะวันตก ใช้ประตูเมืองด้านตะวันตก แล้วไปจนสุดถนน เจ้าจะได้เห็นปราสาท แต่มันเสียเวลาเปล่า เขาจ่ายค่าตัวนางอย่างงาม มากกว่าที่นางคู่ควรเสียอีก”

อีเร็คทนมาพอแล้ว เขาเชือดคอชายเจ้าของซ่องโดยไม่หยุดคิดเลย โลหิตไหลไปทุกทาง เมื่อชายคนนี้ไหลลงจากเก้าอี้ลงไปนอนตาย

อีเร็คมองดูที่ศพ และลูกน้องสองคนที่ไม่ได้สติ และรู้สึกรังเกียจสถานที่นี้ทั้งหมด เขาแทบไม่อยากรู้ว่ามันมึอยู่จริง

อีเร็คเดินข้ามห้องไปแล้วเริ่มตัดเชือกที่ล่ามสตรีทั้งหลายออก เขาตัดเชือกเส้นหนาปล่อยพวกนางเป็นอิสระทีละคน หลายคนกระโดดลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ประตู ในไม่ช้าคนในห้องก็เหลือน้อยลง ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปที่ประตู บางคนอาจจะเมายาเกินกว่าจะขยับตัว ส่วนคนอื่น ๆ ก็เข้ามาช่วย

“ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร” สตรีนางหนึ่งบอกแก่อีเร็ค เมื่อนางหยุดอยู่ที่ประตู “ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง และไม่ว่าท่านกำลังจะไปที่ไหน ขอให้พระเจ้าช่วยเหลือท่านด้วย

อีเร็ครู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจและคำอวยพร แต่เขากลับรู้สึกห่อเหี่ยว สถานที่ ๆ เขากำลังจะไป อาจจะต้องการมันก็ได้

บทที่ สิบ

แสงอรุณส่องผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ในกระท่อมของอิลเลพรา แยงพระเนตรของเจ้าหญิงเกว็นโดลีนและปลุกพระนางให้ตื่นจากบรรทมช้า ๆ อาทิตย์ดวงแรกส่องแสงสีส้มเรื่อเรือง ไล้แสงปลุกเจ้าหญิงให้ตื่นขึ้นในรุ่งอรุณอันเงียบสงบ พระนางกระพริบพระเนตรหลายครั้ง ในตอนแรกยังทรงงุนงงและสงสัยว่าพระนางอยู่ที่ไหน จากนั้นจึงทรงระลึกได้

ก็อดฟรีย์

เจ้าหญิงเกว็นผล็อยหลับไปบนพื้นกระท่อม บนฟางที่ปูลาดเป็นที่นอนอยู่ข้างเตียงของเจ้าชายก็อดฟรีย์ อิลเลพรานอนอยู่ข้างเจ้าชาย เป็นค่ำคืนที่ยาวนานสำหรับทั้งสาม เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงเพ้ออยู่ตลอดคืน กระสับกระส่ายพลิกไปมา อิลเลพราคอยดูแลอยู่ตลอด เจ้าหญิงเกว็นทรงอยู่คอยช่วยทุกอย่างที่ทรงช่วยได้ ทรงหยิบผ้าชุบน้ำ บิดและวางบนพระนลาฏให้เจ้าชายก็อดฟรีย์ คอยหยิบสมุนไพรและยาส่งให้อิลเลพราตามที่นางร้องขอ เป็นค่ำคืนที่เหมือนจะไม่มีสิ้นสุด มีหลายครั้งที่เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงตะโกนออกมา และพระนางทรงมั่นพระทัยว่าเชษฐากำลังจะสิ้นพระชนม์ หลายครั้งที่เจ้าชายทรงเพ้อเรียกหาพระบิดา ซึ่งทำให้เจ้าหญิงเกว็นทรงตัวเย็น พระนางทรงรู้สึกว่าพระบิดาอยู่ด้วย ทรงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เจ้าหญิงทรงไม่รู้เลยว่าพระบิดาปรารถนาให้โอรสมีชีวิตอยู่หรือตาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองมักจะตึงเครียดอยู่เสมอ

เจ้าหญิงเกว็นบรรทมที่กระท่อมนี้เพราะพระนางเองก็ไม่มีที่อื่นที่จะไป เจ้าหญิงทรงรู้สึกไม่ปลอดภัยหากจะกลับไปที่ปราสาท ไปอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเชษฐา พระนางทรงรู้สึกปลอดภัยกว่าที่นี่ ในความดูแลของอิลเลพรา โดยมีอคอร์ธและฟุลตันคอยยืนเฝ้ายามให้ด้านนอก เจ้าหญิงทรงคิดว่าไม่มีใครรู้ว่าพระนางอยู่ที่นี่และทรงต้องการให้เป็นเช่นนั้น นอกจากนี้ในระยะหลังทรงสนิทสนมรักใคร่เจ้าชายก็อดฟรีย์ ทรงค้นพบเชษฐาในแบบที่พระนางไม่เคยรู้จัก และทรงเจ็บปวดเมื่อคิดว่าเขากำลังจะสิ้นพระชนม์

เจ้าหญิงเกว็นทรงลุกขึ้นยืนแล้วรีบไปหาเจ้าชายก็อดฟรีย์ พระหทัยเต้นแรงพลางสงสัยว่าเชษฐาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้าหญิงทรงรู้สึกได้ว่าหากเจ้าชายตื่นขึ้นในเช้านี้ หมายความว่าทรงรอด แต่หากไม่ฟื้น ทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว อิลเลพราลุกขึ้นและรีบมาดูเช่นกัน นางคงจะเผลอหลับตอนไหนสักเวลาเมื่อคืนนี้ เจ้าหญิงเกว็นไม่โทษนางเลย

ทั้งสองคุกเข่าอยู่เช่นนั้นข้างพระวรกายเจ้าชายก็อดฟรีย์ ท่ามกลางแสงสว่างในกระท่อมเล็ก ๆ เจ้าหญิงเกว็นทรงแตะข้อพระกรของเชษฐาแล้วเขย่า ขณะที่อิลเลพราวางมือลงบนพระนลาฏ นางหลับตาและสูดหายใจ ทันใดนั้นเจ้าชายก็อดฟรีย์ก็ลืมพระเนตรขึ้น อิลเลพรายกมือขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เจ้าหญิงเกว็นเองก็ทรงประหลาดพระทัย พระนางไม่คาดว่าจะทรงเห็นเจ้าชายก็อดฟรีย์ลืมพระเนตรขึ้น เชษฐาทรงหันมาและทอดพระเนตรทองเจ้าหญิง

“ก็อดฟรีย์?” เจ้าหญิงตรัสถาม

เจ้าชายหรี่พระเนตรลง แล้วลืมขึ้นอีกครั้ง แล้วทรงยันพระวรกายขึ้นด้วยศอกข้างหนึ่ง มองมาที่ทั้งสอง

“กี่โมงแล้ว?” เจ้าชายตรัสถาม “ข้าอยู่ที่ไหน?”

พระสุรเสียงฟังดูตื่นตัวและแข็งแรงดี เจ้าหญิงเกว็นไม่เคยรู้สึกโล่งพระทัยเช่นนี้มาก่อน พระนางทรงแย้มสรวลกว้าง พร้อมกับอิลเลพรา

เจ้าหญิงเกว็นทรงโผเข้าหาและกอดเชษฐาไว้แน่น ก่อนจะผละออก

“พี่ยังไม่ตาย!” พระนางทรงร้องออกมา

“แน่นอนสิ” เจ้าชายตรัส “ทำไมข้าถึงจะตายเล่า? นี่ใครกัน?” เจ้าชายตรัสถาม ทรงหันไปหาอิลเลพรา

“นางเป็นคนช่วยชีวิตพี่ไว้” เจ้าหญิงเกว็นตรัสตอบ

“ช่วยชีวิตข้าหรือ?”

อิลเลพราก้มหน้ามองพื้น

“ข้าช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” นางทูลตอบอย่างถ่อมตัว

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?” เจ้าชายตรัสถามเจ้าหญิงเกว็นด้วยความตกพระทัย “สิ่งสุดท้ายที่ข้าจำได้คือข้ากำลังดื่มอยู่ในร้านเหล้า และจากนั้น...”

“ท่านถูกวางยาพิษ” อิลเลพราทูล “เป็นยาพิษที่หายากและฤทธิ์แรงมาก ข้าไม่ได้พบมาหลายปีแล้ว ทรงโชคดีมากที่รอดมาได้ ที่จริงแล้วท่านทรงเป็นคนเดียวที่ข้าเคยเห็นว่ารอดจากยาพิษนี้ได้ คงมีใครคอยคุ้มครองท่านอยู่”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดว่านางพูดถูกและทรงคิดถึงพระบิดาในทันที แสงอาทิตย์ส่องลอดหน้าต่างเข้ามาแรงกล้ามากขึ้น เจ้าหญิงทรงรู้สึกว่าพระบิดาอยู่ที่นี่ด้วย พระองค์ทรงต้องการให้ก็อดฟรีย์มีชีวิตอยู่

“สมน้ำหน้าพี่แล้ว” เจ้าหญิงเกว็นตรัสพลางแย้มสรวล “พี่สัญญาว่าจะเลิกดื่มเหล้าเอล ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงหันมาแย้มสรวลกับขนิษฐา เจ้าหญิงทรงเห็นสีสันแห่งชีวิตบนพระปรางของเชษฐาและรู้สึกโล่งอก ก็อดฟรีย์กลับมาแล้ว

“เจ้าช่วยชีวิตข้า” เจ้าชายตรัสอย่างจริงจัง

เจ้าชายทรงหันไปหาอิลเลพรา

“เจ้าทั้งสองคนช่วยชีวิตข้า” พระองค์ตรัสต่อ “ข้าไม่รู้จะตอบแทนพวกเจ้าได้อย่างไร”

ขณะที่เจ้าชายทรงมองอิลเลพรา เจ้าหญิงเกว็นทรงสังเกตเห็นบางอย่าง มีบางอย่างในสายพระเนตร บางอย่างที่มากกว่าความขอบคุณ พระนางทรงหันไปหาอิลเลพรา และเห็นว่านางหน้าแดง ก้มมองพื้น เจ้าหญิงเกว็นทรงรู้ว่าทั้งสองต่างพอใจกัน

อิลเลพรารีบหันหลังเดินไปอีกฟาก ทำเป็นวุ่นวายอยู่กับตำรับยา

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงหันมาหาเจ้าหญิงเกว็น

“กาเร็ธเหรอ์” เจ้าชายตรัสถามอย่างเคร่งขรึมขึ้นมา

เจ้าหญิงเกว็นพยักพระพักตร์ตอบ ทรงเข้าใจในสิ่งที่เชษฐาตรัสถาม

“พี่โชคดีที่ไม่ตาย” พระนางตรัส “แต่เฟิร์ธไม่รอด”

“เฟิร์ธหรือ?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสเสียงสูงด้วยความประหลาดพระทัย “ตายแล้วหรือ? ยังไงกัน?”

“เขาถูกแขวนคอจากขื่อ” พระนางตรัส “พี่ควรจะเป็นคนต่อไป”

“แล้วเจ้าล่ะ?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม

เจ้าหญิงเกว็นทรงยักอังสา

“เขาเตรียมจะส่งข้าไปแต่งงาน เขาขายข้าให้พวกเนวารัน ดูเหมือนพวกนั้นกำลังเดินทางมารับตัวข้า”

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงลุกขึ้นด้วยความกริ้ว

“ข้าไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่!” เจ้าชายทรงประกาศ

“ข้าก็เหมือนกัน” เจ้าหญิงตรัส “ข้าจะต้องหาทางออก”

“แต่ถ้าไม่มีเฟิร์ธ เราก็ไม่มีหลักฐาน” เจ้าชายตรัส “เราไม่มีทางโค่นเขาลงได้ กาเร็ธจะเป็นอิสระ”

“เราจะต้องหาวิธี” พระนางตรัสบอก “เราจะต้องหา...”

ทันใดนั้นประตูกระท่อมก็เปิดออก กระท่อมสว่างไปด้วยแสง อคอร์ธกับฟุลตัสเดินเข้ามา

“เจ้าหญิง...” อคอร์ธทูลขึ้น ก่อนจะหันไปเห็นเจ้าชายก็อดฟรีย์

“ไอ้ลูกหมา!” อคอร์ธตะโกนขึ้นด้วยความยินดีที่เห็นเจ้าชายก็อดฟรีย์ “ข้านึกแล้ว! ท่านโกงได้ทุกอย่างในชีวิต ข้ารู้ว่าท่านจะต้องโกงความตายได้ด้วย!”

“ข้ารู้ว่าเหล้าเหยือกเดียวพาท่านลงหลุมไม่ได้หรอก!” ฟุลตันกล่าวเสริม

อคอร์ธและฟุลตันวิ่งเข้ามาหา ขณะที่เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงลุกจากเตียง แล้วทุกคนต่างสวมกอดกัน

จากนั้นอคอร์ธจึงหันไปหาเจ้าหญิงเกว็นอย่างจริงจัง

“ฝ่าบาท ข้าเสียใจที่ต้องรบกวนท่าน แต่เราเห็นกองทหารตรงขอบฟ้า พวกนั้นกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา”

เจ้าหญิงเกว็นทรงมองเขาด้วยความตกพระทัย แล้วรีบวิ่งไปด้านนอก โดยมีทุกคนตามหลังมา เจ้าหญิงทรงก้มพระเศียรและหรี่พระเนตรในแสงอาทิตย์แรงกล้า

ทั้งหมดออกมายืนด้านนอก เจ้าหญิงเกว็นทอดพระเนตรไปทางขอบฟ้าและเห็นทหารกองรบเงินกลุ่มเล็กกำลังขี่ม้ามาทางกระท่อม ทหารหกนายกำลังขี่ม้ามาด้วยความเร็วเต็มที่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขากำลังรีบมาที่นี่

เจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงจับดาบ แต่เจ้าหญิงเกว็นทรงแตะพระหัตถ์ลงที่ข้อพระกรให้คลายกังวล

“พวกนี้ไม่ใช่คนของกาเร็ธ พวกเขาเป็นคนของเคนดริค ข้ามั่นใจว่าพวกเขามาอย่างสันติ”

กลุ่มทหารมาถึงและกระโดดลงจากหลังม้าโดยไม่หยุด ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าหญิงเกว็นโดลีน

“ฝ่าบาท!” หัวหน้าคณะทูลขึ้น “พวกเรานำข่าวดีมาทูล พวกเราสามารถตีโต้กองทัพของแม็คคลาวด์ได้! เจ้าชายเคนดริค เชษฐาของพระองค์ทรงปลอดภัย เจ้าชายสั่งให้ข้ามาแจ้งข่าวแก่ท่านว่า ธอร์ปลอดภัยดี”

เจ้าหญิงเกว็นทรงกรรแสงออกมาทันทีที่ได้รู้ข่าว ทั้งโล่งอกและดีใจ เจ้าหญิงทรงหันไปสวมกอดเจ้าชายก็อดฟรีย์ พระนางทรงรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

“ทุกคนจะกลับมาในวันนี้” พลนำสารทูลต่อ “และจะมีการฉลองใหญ่ที่ราชสำนัก!”

“เป็นข่าวดีจริง ๆ!” เจ้าหญิงเกว็นทรงอุทาน

“ฝ่าบาท” มีเสียงแหบต่ำทูลขึ้น เจ้าหญิงเกว็นทรงหันไปเห็นสร็อก อัศวินผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งแต่งกายด้วยสีแดงเฉพาะของทางตะวันตก เขาเป็นคนที่เจ้าหญิงทรงรู้จักมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เป็นทหารคนสนิทของพระบิดา เขาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าพระนางและทำให้เจ้าหญิงทรงรู้สึกละอาย

“ได้โปรด ท่าน” เจ้าหญิงตรัส “อย่าคุกเข่าให้ข้าเลย”

เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงและเป็นลอร์ดที่มีอิทธิพลคนหนึ่ง มีทหารในควบคุมหลายพันนาย และครองเมืองซิเลเซีย ปราการด้านตะวันตก ซึ่งเป็นเมืองพิเศษ สร้างอยู่บนหน้าผา ริมขอบหุบเขาใหญ่ เป็นเมืองที่แทบจะฝ่าเข้าไปไม่ได้เลย เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่พระบิดาทรงไว้วางพระทัย

“ข้าขี่ม้ามาที่นี่พร้อมกับทหารเหล่านี้ เพราะข้าได้ยินว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก” เขาทูลขึ้นอย่างรอบรู้ “บัลลังก์ไม่มั่นคง ผู้ครองบัลลังก์คนใหม่ ผู้ปกครองที่หนักแน่น และเป็นตัวจริง จะต้องขึ้นแทนที่ มีข่าวไปถึงข้าว่าพระบิดาของท่านทรงปรารถนาให้ท่านได้สืบทอดราชบัลลังก์ พระบิดาของท่านเป็นดั่งพี่น้องของข้า พระประสงค์ของพระองค์คือสิ่งที่ข้ายึดมั่น หากนั่นคือพระประสงค์ของพระองค์ ก็จะเป็นความต้องการของข้าด้วย ข้ามาเมื่อทูลให้ทรงทราบว่า หากท่านควรได้ขึ้นปกครอง เช่นนั้นคนของข้าขอสาบานที่จะจงรักภักดีต่อท่าน ข้าขอให้ทรงรีบดำเนินการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าราชสำนักต้องการผู้ปกครองคนใหม่”

เจ้าหญิงเกว็นทรงยืนนิ่งด้วยความตกพระทัย แทบไม่รู้เลยว่าจะทรงตอบอย่างไร พระนางทรงรู้สึกถ่อมตัวอย่างยิ่งและทรงภาคภูมิใจด้วย และเจ้าหญิงยังทรงรู้สึกตื้นตันอย่างยิ่งยวด

“ข้าขอขอบใจท่านมาก” เจ้าหญิงตรัส “ข้าซาบซึ้งกับคำพูดของท่านและข้อเสนอของท่าน ข้าจะไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ตอนนี้ข้าเพียงแต่อยากจะต้อนรับพี่ชายกลับบ้าน รวมทั้งธอร์ด้วย”

สร็อกน้อมรับ ขณะที่มีเสียงแตรดังขึ้นที่ขอบฟ้า เจ้าหญิงเกว็นทรงเงยหน้าขึ้นทอดพระเนตร ทรงเห็นฝุ่นฟุ้งตลบ เมื่อกองทัพหลวงปรากฏขึ้น พระนางทรงยกพระหัตถ์ขึ้นป้องแสงอาทิตย์ แล้วพระหทัยพองฟูขึ้น เจ้าหญิงทรงบอกได้ว่าพวกนั้นเป็นใครแม้จากตรงนี้ นั่นคือกองรบเงินและกองทัพของพระราชา

Назад Дальше